กรุงเทพฯ 23 ก.ค.-“ศิริวัฒน์แซนด์วิช” อดีตนักธุรกิจพันล้านที่เคยล้มละลายจากวิกฤติต้มยำกุ้ง ยอมรับวิกฤติโควิด-19 หนักกว่าต้มยำกุ้ง เพราะกระทบทั่วโลก แนะทุกคนเก็บเงินสดมากที่สุด เพราะจะต้องอยู่ในภาวะเงินฝืดแบบนี้ไปอย่างน้อยอีก 2-3 ปี
นายศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ เจ้าของศิริวัฒน์แซนด์วิช ยอมรับว่าบรรยากาศค้าขายวันนี้แย่กว่าเมื่อ 23 ปีก่อนที่อยู่ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง เพราะผลกระทบครั้งนี้เกิดขึ้นกับคนทั้งประเทศและทั่วโลก ขณะที่วิกฤติต้มยำกุ้งเศรษฐกิจโลกยังดียังพึ่งพาต่างชาติได้ และมองว่าเศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในภาวะเงินฝืดที่ต้องเผชิญไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี ทั้งนี้ ช่วงเมษายน-พฤษภาคม ยอดขายของศิริวัฒน์แซนวิชหายไปมากกว่า 50% เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ หลังรัฐบาลทยอยปลดล็อกทำให้ขณะนี้ยอดขายแซนด์วิชเริ่มฟื้นตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทุกวิกฤติมีโอกาส ล่าสุดศิริวัฒน์แซนวิชได้เช่าพื้นที่เปิดร้านขายบนสถานีรถไฟฟ้า ขณะที่ก่อนหน้านี้หลายร้านค้าทยอยปิดตัว ทำให้มีพื้นที่ว่างให้ตนเช่า เพราะมองว่าเมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมา กำลังซื้อการใช้จ่ายก็จะกลับมาด้วย
พร้อมกันนี้ยังให้กำลังใจและข้อคิดกับทุกคน “ให้สู้ อดทน ต้องปรับวิธีคิด และอย่าเกี่ยงงาน” เพราะวันนี้งานหายาก หยุดฟุ่มเฟือย โดยนายศิริวัฒน์ยังฝากถึงคนที่ตกงานให้มาหาตน หรือให้หางานอะไรก็ได้ที่ทำแล้วได้เงินสดกับบ้าน และพยายามใช้จ่ายอย่างประหยัด เก็บเงินสดมากที่สุด เพราะต้องอยู่กับวิกฤตินี้อีกนาน .- สำนักข่าวไทย