สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ 1 ก.ค.- “สิระ” ขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยอย่างเป็นธรรม เตรียมฟ้องเอาผิด 57 ส.ส.ฝ่ายค้านที่ร่วมลงชื่อในคำร้อง ตาม ม.157 หากเห็นว่าในคำร้องมีข้อความอันเป็นเท็จ และมีเจตนาเพื่อกลั่นแกล้งหรือใช้ตำแหน่งหน้าที่มิชอบ
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย ว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ไม่สิ้นสุด โดยกล่าว ขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้ตนยังเป็น ส.ส.อยู่ ตนจะนำไปปรับปรุงและปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศให้มากที่สุด โดยศาลวิจิฉัยว่าการเป็น ส.ส. ของปวงชนชาวไทย ทำอะไรก็แล้วแต่เพื่อประโยชน์ของประชาชนและรัฐ ซึ่งทำที่ไหนก็ได้ การที่บอกว่าเป็น ส.ส.ของเขตหลักสี่ ไม่ใช่ ส.ส.ของ จ.ภูเก็ต ต้องเข้าใจแล้วว่าเป็น ส.ส. ของปวงชนชาวไทย ไม่ใช่ ส.ส.เฉพาะเขต
นายสิระ กล่าวว่า เรื่องที่ผู้ร้องเรียนตน ถือว่าเราก็เป็นนิติบัญญัติเหมือนกัน เป็น ส.ส.เหมือนกัน การที่จะร้องอะไรก็ต้องรับผลตามมา ดูว่าผู้ถูกร้องได้รับความเดือดร้อนหรือไม่ มีการเซ็นต์ชื่อกันกว่า 50 คน ได้มีการอ่านคำร้องหรือไม่ เบื้องต้นได้ให้ฝ่ายกฎหมายดูว่าความผิดของผู้ร้องมีอะไรบ้าง จะได้เป็นบรรทัดฐานในการเซ็นต์ชื่อร้องโดยที่ไม่สอบข้อเท็จจริง ตนถือว่าวันนี้ได้ทำประโยชน์กับประเทศ คอนโดที่ตนได้ลงพื้นที่ในจ.ภูเก็ต ก็ได้ถูกระงับการก่อสร้าง ก็รออีกนิดนึงว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นหรือไม่ ที่ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ทั้งนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ต้องรับผิดชอบ ถ้ามีอีกไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้ตนพร้อมที่จะไปตรวจสอบ
“ถ้าพบว่าผู้ร้องมีเจตนา หรือความผิดสำเร็จตามมาตรา 157 ผมจะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่ลงรายชื่อทั้งหมด เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างกับ ส.ส. ที่ใช่ว่าจะร้องใครก็ร้อง และไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย เราเป็นนิติบัญญัติ ออกกฎหมายให้คนทั้งประเทศใช้ ฉะนั้น ส.ส.จะต้องรับผิดชอบต่อตัวท่านเองด้วย มิฉะนั้นประชาชนจะให้ความเชื่อถือ ส.ส.ได้อย่างไร งานนี้ถ้าพบความผิดจริง ผมเอาคืนแน่ ไม่ใช่เรื่องการจองเวรจองกรรม แต่เป็นเยี่ยงอย่างไม่ให้ไปกระทำกับรายต่อไป ไม่ว่าท่านนั้นจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน “นายสิระ กล่าว
นายสิระ ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภาอีกครั้งว่า ได้ให้ฝ่ายกฎหมายของตนตรวจสอบคำร้องดังกล่าว หากเห็นว่าข้อความอันเป็นเท็จในคำร้องมีเจตนาเพื่อกลั่นแกล้งหรือใช้ตำแหน่งหน้าที่มิชอบ เป็นความผิดตามกฎหมาย ตนจะดำเนินการทางกฎหมายต่อบุคคลเหล่านั้น ตามสิทธิทางกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย