สำนักงาน กกต. 30 มิ.ย.- กกต.เตรียมประสาน ครม.ออก พรฎ.เลือกตั้งซ่อม เขต 5 สมุทรปราการ แทน กรุงศรีวิไล สุทินเผือก และเดินหน้าประกาศรับรองผลการเลือกตั้งเขต 4 ลำปาง ชี้เอาผิดย้อนหลังได้
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่าได้รับทราบคำวินิจฉัยของศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง ที่สั่งให้มีการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. จังหวัดสมุทรปราการ เขต 5 ใหม่ ภายใน 45 วัน แทนนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกใบเหลือง จากกรณีผู้ติดตามใส่ซองช่วยเหลืองานศพ ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศ โดยหลังจากนี้ต้องรอคำวินิจฉัยศาลอย่างเป็นทางการ ซึ่ง กกต.ก็จะประสานไปยังคณะรัฐมนตรี เพื่อออกพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก่อนที่จะกำหนดวันเลือกตั้ง 45 วัน โดยจะยึดลำปางโมเดลในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ส่วนที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.ออกมาติงว่าลำปางโมเดล เสี่ยงต่อการสวมสิทธิ เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งสวมหน้ากากไปใช้สิทธินั้น เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ตามหลักการยืนยันตัวตนในการใช้สิทธิจะต้องถอดหน้ากากเพื่อยืนยันต่อเจ้าหน้าที่กรรมการประจำหน่วยว่าหน้าตรงกับบัตรประจำตัวประชาชนหรือไม่ กกต.เข้มงวดในเรื่องนี้ และในการอบรมกรรมการประจำหน่วย ก็จะย้ำในประเด็นนี้อีกครั้ง และหากเกิดการทุจริตก็จะมีการสืบสวนไต่สวนอยู่แล้ว
ขณะที่คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งซ่อม เขต 4 จังหวัดลำปาง พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ขณะนี้ กกต.จังหวัดยังไม่ส่งสำนวนคำร้องทุจริตมายัง กกต. กลาง แต่การประชุม กกต.ในช่วงบ่าย จะมีการพิจารณาว่าจะสามารถประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อนหรือไม่ โดยจะต้องดูสำนวนของผู้ตรวจการเลือกตั้ง และข้อเท็จจริงในสำนวนคำร้องก่อนตัดสินใจประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง แม้ว่าจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อน แต่การพิจารณาคำร้องทุจริตก็ยังคงดำเนินต่อไป หากพบมีความผิด ก็สามารถดำเนินคดีภายหลังได้
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ฟ้องคดีอาญา 7 กกต.ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ หลังยกคำร้องของนายนิพิฏฐ์ที่นำหลักฐานการทุจริตเลือกตั้งมายื่นต่อ กกต. ส่อเป็นการช่วยพรรคภูมิใจไทยชนะเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งทั่วไปว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นคำฟ้อง เห็นเพียงข่าวจากสื่อมวลชน หลังจากนี้หากมีคำร้อง ทางสำนักงานก็ต้องไปคัดสำนวน เพื่อรายงานต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งรับทราบ ส่วนความมั่นใจในพยานหลักฐาน ก็ต้องดูสำนวนคำร้องของนายนิพิฏฐ์ก่อน.-สำนักข่าวไทย