เรียกร้อง ผวจ.ประจวบฯเปิดผลสอบยักยอกเงินหลวง 33 ล้าน

ประจวบคีรีขันธ์ 28 มิ.ย.-เครือข่ายต่อต้านทุจริตฯประกาศจะยื่นหนังสือร้องเรียน รมว.มหาดไทย-สำนักนายกรัฐมนตรี หากผู้ว่าฯประจวบคีรีขันธ์ ไม่เปิดเผยผลสอบข้อเท็จจริงกรณีลูกจ้างสำนักงานจังหวัดฯยักยอกงบประมาณรัฐ 33.9 ล้านบาท หลังมีเสียงวิจารณ์ไม่เชื่อก่อเหตุคนเดียว ด้านผู้การตำรวจเรียกประชุม พงส.ติดตามความคืบหน้าคดีวันพรุ่งนี้ ขณะที่ ผบ.เรือนจำเผยผู้ต้องหาปรับตัวในคุกได้เร็ว ไม่มีอาการเครียดถึงขั้นทำร้ายตัวเอง


ความคืบหน้าคดีพนักงานวิชาการการเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยักยอกเงินงบประมาณของทางราชการ รวม 33.9 ล้านบาท ถูกนำตัวฝากขังเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังตำรวจดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารทางราชการ และใช้เอกสารปลอม

ล่าสุดวันนี้(28 มิ.ย.) นายนฤพนธ์ แก้วเทศ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ นำตัวผู้ต้องหารายนี้ฝากขังผัดแรกเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาสามารถปรับตัวได้เร็ว ไม่มีปัญหาจากภาวะความเครียดที่อาจจะนำไปสู่การทำร้ายตัวเอง หรือจะต้องจัดเจ้าหน้าที่ดูแลเป็นกรณีพิเศษตามที่มีการตั้งข้อสังเกตจากบุคคลภายนอก


ด้านจ่าเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านการทุจริต จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือผ่านนางแสงประทีป คุณาธิมาพันธ์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อขอทราบผลการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการทุกคณะในระดับจังหวัด เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าการสอบข้อเท็จจริงกรณีทุจริตหลายครั้ง ไม่เคยนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะและไม่เผยแพร่เอกสารเพื่อชี้แจงความคืบหน้า โดยนางแสงประทีป แจ้งว่าจะเสนอหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอน ส่วนจะเปิดเผยข้อมูลได้หรือไม่ เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด หรือคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องจะตัดสินใจ

จ่าเอกเสกสรรค์ กล่าวว่า หากไม่ได้รับการชี้แจง จะยื่นเรื่องร้องเรียนถึงสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากปัญหาการทุจริตดังกล่าวมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในทำนองไม่เชื่อว่าผู้ต้องหากระทำความผิดเพียงคนเดียว และที่ผ่านมายังไม่มีผู้บริหารระดับจังหวัดออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงใดๆเกี่ยวกับความบกพร่องในการใช้งบประมาณแผ่นดิน โดยในวันพรุ่งนี้(29 มิ.ย.) ตนจะไปยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดฯ เพื่อขอทราบตัวเลขการใช้งบประมาณทุกประเภทของสำนักงานจังหวัดฯ ในช่วงที่รอการใช้งบประมาณประจำปี 2563 เพื่อตรวจสอบว่าการดำเนินโครงการต่างๆมีการใช้งบประมาณอย่างไร

ขณะที่ พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ จะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้อีกครั้ง คาดว่าคดีจะมีความคืบหน้าพอสมควร ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับผู้ใดเพิ่ม.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง