ร้อง รมว.คมนาคม เหตุแท็กซี่เมาแล้วขับ ไม่ต่อ พ.ร.บ.

กรุงเทพฯ 28 มิ.ย.-เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมครอบครัวเหยื่อแท็กซี่เมาแล้วขับ2ศพ บาดเจ็บ5 ย่านรามคำแหง ร้องขอความเป็นธรรม รมว.คมนาคม หลังผู้ก่อเหตุขับรถหมดสภาพ  ไม่ต่อ พ.ร.บ.ขาดประกันวิ่งบริการ หวั่นเหยื่อเสียสิทธิที่ควรได้ตามกฎหมาย 


นางสาวเครือมาศ  ศรีจันทร์  ผู้ประสานงานเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต นายอธิวัฒน์  เนียมมีศรี  เครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน พร้อมด้วยนายเกียรติคุณ  สุวรรณศิริ  สามีผู้เสียชีวิต กรณีแท็กซี่เมาแล้วขับ ชนเสียชีวิต2ศพ บาดเจ็บ5ราย ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร้องขอความเป็นธรรม กรณีผู้ก่อเหตุ ไม่ทำประกันภัยรถยนต์ ไม่ต่อ พ.ร.บ.ทะเบียนหมดอายุ สภาพรถไม่พร้อมใช้งาน รถหมดอายุ นำรถออกวิ่งทั้งที่ดื่มแอลกอฮอล์ จนเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน  และมีความสุ่มเสี่ยงที่ครอบครัวผู้ตายและผู้ได้รับบาดเจ็บจะเสียสิทธิในการดูแลช่วยเหลือตามกฎหมาย และเรียกร้องให้ตรวจสอบและจัดระเบียบการให้บริการรถโดยสารสาธารณะเถื่อน  และทำให้ผู้ขับรถโดยสารสาธารณะแอลกอฮอล์เป็น 0 อย่างเป็นรูปธรรม


นายอธิวัฒน์ฯ กล่าวว่า จากกรณีรถแท็กซี่ชนรถจักรยานยนต์  ปากซอยรามคำแหง 60/1 เมื่อวันที่12 มิถุนายน 2563 ทำให้มีผู้เสียชีวิต2ราย โดยเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง1ราย และเป็นคนเดินเท้า1 ราย ผู้บาดเจ็บสาหัส 5 ราย โดยเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ 1 ราย //รถจักรยานยนต์รับจ้าง 2 ราย คนเดินเท้า 1 ราย ผู้ประกอบอาชีพขายกาแฟ ปากซอยรามคำแหง 60/1 จำนวน 1 ราย รวมทั้งทรัพย์สินในบริเวณที่เกิดเหตุเสียหายประมาณ 8,000,000 บาท จากการตรวจสอบพบว่าผู้ขับขี่รถแท็กซี่มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้ 147 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และรถที่นำมาใช้ ไม่มีการต่อ พ.ร.บ. และไม่มีประกันภัย ซึ่งอาจเป็นผลให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตและบรรดาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ต้องเสียสิทธิในการคุ้มครองดูแลตามกฎหมายหลายประการ ประกอบกับเครือข่ายตรวจสอบพบว่ารถแท็กซี่นิติบุคคลที่สังกัดสหกรณ์ หรือบริษัทต่างๆ หมวดอักษรที่หมดอายุคือ ทฉ, ทต, ทท, ทธ, ทน, ทพ, ทม, ทย, ทร, ทล, ทว และหมวด ทศ 1 – 6498 และกรณีเป็นแท็กซี่ส่วนบุคคลสีเขียวเหลืองนั้น หมวดอักษรที่หมดอายุคือ ทจ, มก, มข, มค, มง, มจ และหมวด มฉ 1 – 9439 ผลปรากฎพบว่ามีการนำมาให้บริการประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก  ตามสถานีขนส่งต่างๆ  และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมไปถึงบริเวณสถานีขนส่งรถไฟฟ้า BTS

นางสาวเครือมาศฯ กล่าวว่ากระทรวงคมนาคม ควรมีมาตรการที่เข้มงวดต่อรถโดยสารสาธารณะที่ประชาชนนิยมใช้บริการ คือรถแท็กซี่ รถตู้ และรถจักรยานยนต์รับจ้าง โดยเฉพาะสภาพรถที่ไม่ควรนำรถหมดอายุมาใช้งาน การจดทะเบียน การตรวจวัดแอลกอฮอล์คนขับเพื่อป้องกันกรณีเมาแล้วขับ ฯลฯ เพื่อสร้างมาตรฐานการให้บริการรถโดยสารสาธารณะ มีความปลอดภัยสูงสุด และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการ  และขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ที่สุ่มเสี่ยงในการเสียสิทธิจากเหตุการณ์นี้

 


“เครือข่ายขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาปัญหารถโดยสารสาธารณะ ดังต่อไปนี้ 1. ขอให้พิจารณามาตรการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและบรรดาผู้บาดเจ็บ ซึ่งกรณีนี้ผู้ก่อเหตุนำรถแท็กซี่ที่ไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานมาขับขี่  ไม่มีการต่อ พ.ร.บ.  ไม่มีประกันภัย  สุ่มเสี่ยงที่ผู้เสียหายจะไม่ได้รับสิทธิตามกฎหมาย  เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อครอบครัว  2. ขอให้มีการตรวจสอบสภาพรถโดยสารสาธารณะ กรณีหมดอายุการใช้งาน การต่อทะเบียน โดยกฎหมายบังคับต้องทำประกันทั้ง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และการทำประกันภัยประเภทที่ 3 (ขั้นต่ำ) ให้ครบถ้วนก่อนนำมาให้บริการแก่ประชาชน เพราะปัจจุบันยังมีรถที่ทะเบียนหมดอายุการใช้งานออกมาให้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก 3. ตรวจสอบอู่รถแท็กซี่กรณีแท็กซี่นิติบุคคลที่สังกัดสหกรณ์หรือบริษัทต่างๆ และกรณีที่เป็นแท็กซี่ส่วนบุคคลว่าละเลยการต่อทะเบียนรถ หรือการตรวจสภาพรถหรือไม่ รวมถึงการตรวจสอบประวัติผู้เช่ารถว่ามีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ชอบดื่มสุราเป็นประจำหรือไม่ เพราะจากกรณีที่เกิดขึ้นได้สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน ต่อบุคคลที่ใช้ชีวิตบนถนนร่วมกัน หากเจ้าของอู่แท็กซี่หรือบุคคลที่เป็นเจ้าของรถละเลยควรมีการเอาผิดอย่างเด็ดขาดไปถึงด้วย  4. เพิ่มมาตรการกวดขันจุดตรวจให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ เพิ่มเวลาตรวจในช่วงกลางคืน เนื่องจากผู้กระทำผิดดังกล่าวมักจะลักลอบนำรถที่หมดอายุการใช้งาน มาให้บริการแก่ประชาชนโดย  และ 5. กำกับพฤติกรรมของคนขับรถสาธารณะให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ขับเร็ว ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เจ้าหน้าที่รัฐต้องตรวจสอบรถและคนขับรถทุกคันอย่างจริงจังไม่มีข้อละเว้น   เพื่อป้องกันมิให้เกิดการกระทำความผิด ที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยในการให้บริการขนส่งสาธารณะ”นางสาวเครือมาศ กล่าว. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่น้ำท่วมหลายชุมชน ปิดน้ำตก 3 แห่ง

เชียงใหม่ 26 พ.ค.-เชียงใหม่ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง เกรงจะเกิดอันตราย ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ น้ำท่วมหลายชุมชน ระบายน้ำไม่ทัน บางจุดรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ฝนตกหนัก ทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงลำห้วย ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ เชียงใหม่ สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง ทั้งน้ำตกแม่สา น้ำตกตาดหมอก อำเภอแม่ริม และน้ำตกหมอกฟ้า อำเภอแม่แตง เนื่องจากปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นและมีสีแดงขุ่น กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ฝนที่ตกหนักบนดอยสุเทพ และในตัวเมืองเชียงใหม่ ทำให้น้ำป่าบนดอยสุเทพ ไหลหลากลงลำห้วยมาตามทางระบายน้ำและไหลลงลำคลองคูไหว ทำให้เอ่อล้น จนระบายน้ำไม่ทัน เข้าท่วมขังในชุมชนศรีปิงเมือง ชุมชนฟ้าใหม่ ชุมชนกาดก้อม ระดับน้ำท่วมขังสูง 30-50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ทำให้ประชาชนและร้านค้าได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ประกอบกับนักเรียนกำลังเดินทางไปเรียน อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเทสบาลนครเชียงใหม่ กำลังเร่งสูบระบายน้ำอย่างเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม-ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กทม. 25 พ.ค.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย .-สำนักข่าวไทย

กว่า 130 ชม. ภารกิจสำเร็จ! กู้ร่างคนงานตกหลุมเสาเข็ม

กทม. 25 พ.ค.- ภารกิจสำเร็จ! ทีมกู้ภัยนำร่าง “นายดาว” คนงานพลัดตกหลุมเสาเข็ม ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขึ้นมาด้านบนสำเร็จ หลังใช้เวลาปฏิบัติการกว่า 130 ชั่วโมง ความคืบหน้ากรณีนายศราวุฒิ หรือ นายดาว อายุ 33 ปี ชาวศรีสะเกษ คนงานที่พลัดตกลงไปในหลุมเสาเข็มความลึก 19 เมตร บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 6 และ 8 แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา เข้าสู่วันที่ 6 แล้ว หลังจากเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้คาดพิกัดที่อาจพบร่างผู้เสียชีวิตที่ระดับความลึก 11.5 เมตร ล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 24 พ.ค. บริเวณซอยหลานหลวง 8 เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัย USAR และมูลนิธิร่วมกตัญญู ยังคงพยายามเร่งค้นหาเพื่อกู้ร่างนายศราวุฒิ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี […]

“บังยา บองหลาคิงส์” รุดจับแม่งูจงอาง ไล่ฉกชาวบ้านวิ่งป่าราบ

สงขลา 25 พ.ค.- ชาวสวนยางสงขลา ผวา! แม่งูจงอางหวงไข่ดุมาก ไล่ฉกเจ้าของสวนวิ่งป่าราบ ต้องหยุดกรีดยาง ร้อนถึง “บังยาบองหลาคิงส์” ราชางูจงอางภาคใต้ ต้องมาช่วยจับ บังยา บองหลาคิงส์ ราชางูจงอางของภาคใต้ ตีรถด่วนจาก จ.กระบี่ มาช่วยจับงูจงอางนอนฟักไข่เฝ้ารังอยู่ในป่าสวนยาง พื้นที่บ้านควนยาง หมู่ 9 ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นสวนยางของนายปรีชา อายุ 46 ปี ซึ่งตอนนี้เดือดร้อนมาก ไม่กล้าไปกรีดยางเพราะมีแม่งูจงอางมานอนฟักไข่เฝ้ารังติดกับต้นยาง ครั้งแรกที่ไปเจอตอนไปกรีดยางเมื่อ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา เกือบโดนฉกมาแล้วเพราะเข้าไปใกล้รัง จนต้องวิ่งหนีสุดชีวิต หลังจากนั้นก็ไม่กล้าขึ้นไปกรีดยางอีกเลย จนต้องแจ้งขอความช่วยเหลือไปยัง บังยา บองหลาคิงส์ ให้มาช่วยจับ เมื่อทีมงานบังยา บองหลาคิงส์ มาถึงก็ต้องเดินเท้าขึ้นไปที่ป่าสวนยาง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านพอสมควร เมื่อไปถึงก็พบแม่งูจงอางตัวนี้นอนอยู่บนรังไม่ไปไหน และดุมากชูคอฉกตลอดเวลาหากเข้าใกล้ บังยาต้องหลอกล่ออยู่สักพักก็อาศัยจังหวะความนิ่งใช้มือเปล่าล็อกคอเอาไว้ได้ เป็นแม่งูสาวน่าจะท้องแรกหรือท้องสอง ยาวเกือบ 3 เมตร และเมื่อรื้อรังดูก็มีไข่อยู่ในรัง 28 ฟองและอีกไม่เกิน 10 […]

ข่าวแนะนำ

รวบเจ้าของหอพักโหดย่านรังสิต ข้อหากรรโชกทรัพย์

ปทุมธานี 28 พ.ค. – ตำรวจปทุมธานี บุกรวบเจ้าของหอพักย่านรังสิต พร้อมครอบครัว ข้อหากรรโชกทรัพย์ หลังมีนักศึกษาแจ้งความร้องทุกข์ว่า เจ้าของหอพักแห่งนี้ทำร้ายร่างกาย ยึดทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้เช่าโดยไม่ยอมคืน พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผู้บังคับการตำรวจปทุมธานี นำหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ลงวันที่ 27 พ.ค. ในข้อหากรรโชกทรัพย์ เข้าจับกุม พ.ต.อ.พูลศักดิ์ อายุ 64 ปี นางพัชรียา อายุ 56 ปี และนางสาวพูลชนก อายุ 28 ปี ที่หอพักใน 7 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี จากกรณีมีนักศึกษากว่า 20 ราย เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต และเจ้าหน้าที่ สคบ. ว่าเจ้าของหอพักแห่งนี้ทำร้ายร่างกายนักศึกษา ยึดเอกสารหลักฐานทางราชการ ยึดทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้เช่าโดยไม่ยอมคืน บางจังหวะการจับกุมจะเห็นได้ว่ามีการโต้เถียงกันและมีการขัดขืน แต่สุดท้ายต้องยอมจำนนต่อหมายจับ พล.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า ตำรวจขอหมายจับจากศาลไป 3 […]

คนร้ายบุกยิงในงานกีฬาสี อบต.เกาะสะท้อน อส.-ครู เจ็บ 4

นราธิวาส 28 พ.ค. – คนร้ายบุกยิงในงานกีฬาสีต้านยาเสพติด อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้อาสาสมัครรักษาดินแดนบาดเจ็บ 3 คน ครูบาดเจ็บ 1 คน ส่วนเหตุคนร้ายยิงใส่ป้อมหน้า สภ.จะแนะ ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย เจ็บ 1 นาย เจ้าหน้าที่เร่งไล่ล่าคนร้าย คนร้ายชุดสีดำเดินถือปืนเข้ามาในลานกีฬาเซปักตะกร้อ งานแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติด อบต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จากนั้นรัวยิงชุดแรก 4 นัด คนที่ร่วมแข่งขันพากันวิ่งหลบหนี จากนั้นคนร้ายรัวยิงอีก 3 นัด ซึ่งภาพหลุดจากวิถีกล้องไปแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่และหน่วยงานความมั่นคงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บ 4 คน ประกอบด้วย 1.นายสุกรี ครูโรงเรียนบ้านเกาะสะท้อน 2.อาสารักษาดินแดนฮัมดานุดดีน 3.อาสารักษาดินแดนมุสลิม และนายไซนุดดิน ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลตากใบ สอบสวนทราบว่าคนร้าย 6 คน ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ 3 คัน ขี่เข้ามาโดยปะปนกับประชาชน และก่อเหตุยิงผู้เข้าร่วมแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติดจนมีผู้บาดเจ็บ หลังเกิดเหตุนายอำเภอตากใบลงพื้นที่เยี่ยมผู้บาดเจ็บ […]

นายกฯ ยกหูคุย “ฮุน มาเนต” คลี่คลายเหตุปะทะชายแดน

รัฐสภา 28 พ.ค.- นายกฯ รับทราบเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เผยยกหูคุยตรง “นายกฯ ฮุน มาเนต” ให้สถานการณ์คลี่คลายเร็วที่สุด ปัดตอบกรณี “ทักษิณ” ประกาศสงครามกับว้าแดง-สถานการณ์ใต้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางออกจากอาคารรัฐสภา ในเวลา 17.40 น. ถึงสถานการณ์ชายแดนไทยไทย-กัมพูชา บริเวณด่านช่องบก จ.อุบลราชธานี ว่า ได้รับรายงานแล้ว และจะมีการพูดคุยกันของผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ส่วนตนเองได้พูดคุยกับกระทรวงกลาโหมแล้ว ซึ่งเดี๋ยวก็คงมีข้อตกลงกันออกมา ขณะเดียวกัน ตนเองก็ได้มีการพูดคุยกับ พลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาด้วย ไม่มีอะไร ซึ่งมีความเข้าใจตรงกันว่าจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงโดยเร็วที่สุด และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อีก ส่วนจะมีการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีสองประเทศหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ของตนเองกับนายกฯ กัมพูชา ก็เป็นไปได้ด้วยดี เมื่อถามว่า กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศสงครามกับว้าแดง เพื่อแก้ปัญหายาเสพติด รัฐบาลมีแนวทางการแก้ปัญหาอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ค่ะ ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ในวันนี้ […]

ทอ. ยันไม่มีภัยคุกคาม หลังพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดน

กองทัพอากาศ 28 พ.ค.- ทอ. ยันไม่มีภัยคุกคามต่อประเทศ หลังตรวจพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดนไทย บริเวณตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.03 น. กองทัพอากาศได้สั่งการให้เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 เครื่อง จากหน่วยบิน กองบิน 4 ปฏิบัติภารกิจการบินป้องกันทางอากาศ วิ่งขึ้นจากสนามบินตาคลี หลังหน่วยควบคุมอากาศยานและแจ้งเตือน ตรวจพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดนไทย บริเวณตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก เครื่องบินต้องสงสัยลำดังกล่าว เป็นอากาศยานสมรรถนะสูงแบบ YAK-130 มีทิศทางบินมุ่งเข้าสู่เขตแดนไทยในระยะใกล้ กองทัพอากาศ จึงสั่งการบินพิสูจน์ทราบและแสดงท่าทีป้องปราม ตามมาตรการปกติ เพื่อเฝ้าระวังและยืนยันสถานการณ์ จากการติดตามพบว่า เครื่องบินดังกล่าวได้เปลี่ยนทิศทางและออกจากเขตใกล้ชายแดนไทย ในเวลา 13.16 น. โดยไม่แสดงพฤติกรรมรุกราน หรือมีเจตนาเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศแต่อย่างใด “กองทัพอากาศ ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจปกติในการเฝ้าระวังป้องกันน่านฟ้า ซึ่งกองทัพอากาศดำเนินการอย่างเข้มแข็งและสม่ำเสมอ เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ สร้างความปลอดภัย และความมั่นใจให้แก่ประชาชน” โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว ทั้งนี้ […]