ยธ. 24 มิ.ย.- กระทรวงยุติธรรม บูรณาการร่วมกับตำรวจ – ปปง. ยึดทรัพย์สิน เครือข่ายยาเสพติด 43 เครือข่าย มูลค่าทรัพย์สิน 450 ล้านบาท เร่งตรวจสอบ เงินหมุนเวียนในบัญชี มูลค่า 12,000 ล้านบาท มั่นใจปีนี้ยึดทรัพย์ได้ตามเป้า1,500ล้านบาท
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.ท. วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการป.ป.ส. ) พร้อมผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)และกรมสรรพากร ร่วมแถลงผลยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด “ยุทธการพิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด ” ครั้งที่ 2/2563 ภายใต้คำสั่ง ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.) ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน 2563
มีผลงาน สามารถทำลายเครือข่ายยาเสพติดได้ทั้งสิ้น 43 เครือข่าย โดยมีเครือข่ายสำคัญคือ เครือข่ายร้านทอง และเครือข่ายนายปรีชา สามารถจับกุมตามหมายจับได้ 645 หมาย เข้าตรวจค้นเป้าหมายยาเสพติด 629 หมายสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 1,346 คน
โดยมีผลการตรวจยึดยาบ้าได้ 25,997,331 เม็ด ไอซ์ 321 กิโลกรัม เคตามีน 1 กิโลกรัม เฮโรอีน 3.5 กิโลกรัมและกัญชา 420 กิโลกรัม/
ยึดทรัพย์ของกลางจำนวน 928 รายการ มูลค่า /33,737,580 บาท /
ทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดจำนวน 845 รายการมูลค่า 416,913,770 บาท/
รวมทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ทั้งสิ้น 1,773 รายการ มูลค่า รวม 450,651,350 บาทและมีธุรกรรมทางบัญชีของผู้ประกอบการที่มีกระแสเงินจากการค้ายาเสพติดที่ต้องดำเนินการตรวจสอบประมาณ 12,000 ล้านบาท
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ในปีงบประมาน 2563 มีเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินของเครือข่ายยาเสพติด ให้ได้ไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งจากการบูรณาการอย่างเข้มข้นและผลการปฏิบัติการในช่วง2เดือนที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายแน่นอน ส่วนในปีงบประมาณ 2564 ได้เพิ่มเป้าหมายการยึดทรัพย์เป็น5,000ล้านบาท และมั่นใจเช่นกันว่าจะสามารถดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ เนื่องจากผลการดำเนินการกับเครือข่ายต่างๆที่ผ่านมา พบว่า เครือข่ายยาเสพติดเหล่านี้มีเงินหมุนเวียนที่มั่นใจว่าเกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดจำนวนสูงถึง 12,000 ล้านบาท และยังพบธุรกรรมทางการเงินที่ต้องสงสัยอีกกว่า จำนวน 170,000ล้านบาทด้วย ซึ่งพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน และใช้เครื่องมือพิเศษ เพื่อพิสูจน์และยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของราชการต่อไป .-สำนักข่าวไทย