กรุงเทพฯ 20 มิ.ย.- ภรรยารองสารวัตรสืบสวน วังทองหลาง ยิงตัวเองดับปริศนา ญาติแคลงใจพบพิรุธหลายอย่าง
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ ร.ต.อ.วิโรจน์ สุชาติ รองสว.(สอบสวน) สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุมีผู้ยิงตัวตายภายในบ้านเลขที่ 128 หมู่บ้านเสนาวิลล่า 88 ซอย 7 ถนนแฮปปี้แลนด์สายเก่า แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวรรพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นทาวเฮ้าส์สูง 2 ชั้น ภายในห้องโถงชั้น1 ของบ้านพบศพนางสาวพิมชฎาพร ภูแย้มไสย์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 4 ตำบลดอนสมบูรณ์ อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ นอนเสียชีวิตมีร่องรอยกระสุนปืนขนาด .45 ออโต้ ยิงเข้าที่บริเวณศีรษะด้านซ้าย 1 นัด สภาพศพใส่ชุดนอนสีน้ำเงิน ผู้ตายเป็นภรรยาของ ร.ต.อ.ทรงกลด บุญส่ง รอง สว.(สืบสวน) สน.วังทองหลาง ซึ่งเคยเป็นรอง สว.(สืบสวน) สน.ลาดพร้าวอีกด้วย
น.ส.พนิตา บุญโชติ อายุ 31 ปี ลูกพี่ลูกน้องคนตายให้การว่า ผู้ตายมีลูกสาว อายุ 4 ขวบกับนายตำรวจคนดังกล่าว โดยคบกันมาได้หลายปี และแม่ของตำรวจเป็นคนซื้อบ้านหลังเกิดเหตุให้ได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีปัญหาทะเลาะวิวาทกันเรื่อยมาถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกายกัน ผู้ตายเคยถูกนายตำรวจรายนี้เอาปืนจ่อหัวทำร้ายกันจนสลบ แต่ผู้ตายก็กลับมาหาทุกครั้ง เพราะสงสารลูกสาว
ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุทางผู้ตายมีอาการปกติทุกอย่าง ก่อนหน้านี้ยังโพสต์ขายเสื้อผ้าออนไลน์มีเพจในเฟซบุ๊ก และพูดคุยกับทางญาติ น้ำเสียงปกติดี ได้บอกกับญาติว่าวันหยุดจะพาลูกสาวไปเที่ยวอีกด้วย นอกจากนี้ผู้ตายยังถนัดมือขวา จึงไม่น่าจะใช้มือซ้ายยิงตัวตายได้ ดังนั้นทางญาติจึงติดใจการเสียชีวิต อีกทั้งตอนเกิดเหตุก็มีการเรียกเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบ แล้วจึงค่อยเรียกมูลนิธิมาเก็บศพ ซึ่งมีการเอาผ้าห่มห่อร่างไว้ที่โซฟาของตัวบ้านแล้วให้ยกไปโรงพักทันทีเลย
เบื้องต้นจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว ร.ต.อ.ทรงกลดให้การว่า นอนอยู่ที่บ้านแล้วได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จึงตื่นขึ้นมาดูพบว่าภรรยาใช้ปืนยิงตัวเองเสียชีวิตแล้ว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่รับผิดชอบทันที
ทั้งนี้ทาง สน.ลาดพร้าวได้นำเครื่องวัดแอกอฮอล์มาวัด ร.ต.อ.ทรงกลด และนำตัวส่ง รพ.เพื่อตรวจร่างกายใช้ในการประกอบสำนวนคดีทุกอย่าง โดยจะนำศพส่งไปผ่าพิสูจน์การเสียชีวิตที่นิติเวช รพ.ตำรวจ อีกครั้งเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป .-สำนักข่าวไทย