จับอดีตสายลับตำรวจแชทลวงเมียฝรั่ง ก่อนจี้ชิงทรัพย์

อุดรธานี 18 มิ.ย.-ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี รวบอดีตสายลับตำรวจแชทผ่านแอปฯ หาคู่ หลอกหญิงวัย 30 ปี ก่อนใช้ปืนจี้ชิงทรัพย์ ได้เงิน-มือถือ-รถจยย. อ้างหาเงินใช้หนี้พนัน 


กรณีเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. ของวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา น.ส.เอ นามสมมุติ อายุ 30 ปี ชาวบ้านในเขตเทศบาลนครอุดรธานี เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรธานี ว่าถูกคนร้ายเป็นชายอ้างตัวว่าเป็นตำรวจสายสืบ ใช้ปืนจี้ชิงทรัพย์กระเป๋าเงินแบบหนังสีน้ำตาล ข้างในมีเงินสด 7,500 บาท บัตรเอทีเอ็ม 1 ใบ โทรศัพท์มือถือไอโฟน 1 เครื่อง และรถจักรยานยนต์ ก่อนถูกขู่บังคับให้ผู้เสียหาย พาไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มอีก 20,000 บาท แล้วพาไปปล่อยทิ้งไว้ ที่ถนนเลียบคลองชลประทาน บ้านนาทราย ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี 


หลังรับแจ้ง ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี จึงออกติดตามไล่ล่าคนร้ายผ่านทางสัญญาณจีพีเอสของโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายที่คนร้ายยังเปิดเครื่อง และวนเวียนอยู่ในพื้นที่ตัวเมืองอุดรธานี จนกระทั่งมาพบสัญญาณบน ถ.เลี่ยงเมือง อุดรธานี-หนองบัวลำภู ทราบว่าคนร้ายอยู่บนรถแท็กซี่ ตำรวจจึงวิทยุสกัดจับรถแท็กซี่ที่คนร้ายนั่งอยู่ด้านหน้า และขับรถปาดหน้าให้รถแท็กซี่จอด จากนั้นตำรวจจะเข้าตรวจค้นจับกุม แต่คนร้ายชักปืนขึ้นมาเล็งใส่ตำรวจ พร้อมบอกว่าหากเข้ามาในรถจะยิงสู้ ตำรวจจึงใช้ยุทธวิธีก่อนแย่งปืนจากมือของคนร้ายไว้ได้ และทำการจับกุม ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหายที่มากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวน

พ.ต.ท.พัฒน์วงศ์ จันทร์พล รอง ผกก.ป.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยภายหลังการจับกุมว่าคนร้ายชื่อนายสุขสันต์ หรือนาย ขันแข็ง อายุ 35 ปี เบื้องต้นถูกข้อกล่าวหากรรโชกทรัพย์ และชิงทรัพย์ พร้อมของกลาง ปืนบีบีกัน 1 กระบอก, ซองปืน, ซองกระสุน, กุญแจมือ 1 อัน, ไฟฉาย 1 กระบอก, ซองหนังตราโล่ 1 อัน, รถจักรยานยนต์ 1 คัน, กระเป๋าหนังสีน้ำตาล 1 ใบ,โทรศัพท์มือถือไอโฟน 1 เครื่อง และบัตรเอทีเอ็ม 1 ใบ 


และจากการสอบสวนนายสุขสันต์ ให้การรับสารภาพว่าติดยาบ้า และอ้างว่าเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เคยเป็นสายให้ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ภ.จว.อุดรธานี ที่ทำไปเพราะต้องการเงินไปใช้หนี้การพนันออนไลน์ หลังจากแชทแอปฯบาดู กับผู้เสียหาย เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ก่อนวางแผนกรรโชกทรัพย์ผู้เสียหายในบ้านพัก ภายในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในตัวเมืองอุดรธานี โดยใช้ปืนปลอมขู่บังคับให้ผู้เสียหายพาไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มหน้าร้านสะดวกซื้อในเขตเทศบาลนครอุดรธานี แล้วคนร้ายนำตัวไปปล่อยทิ้งไว้ที่ถนนนอกตัวเมือง ก่อนคนร้ายหลบหนีไปพร้อมกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย และนำรถไปซ่อนไว้ในหอพักแห่งหนึ่งในเขต ต.บ้านเลื่อม ก่อนจ้างแท็กซี่ให้ขับวนเวียนอยู่ในตัวเมืองอุดรธานี เพื่อทำการโอนเงินที่ได้มาใช้หนี้พนันออนไลน์จนหมด ก่อนตำรวจไล่ติดตามมาจับกุมตัว

จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกจับกุมตัวในข้อหาลักทรัพย์ ปี 2560 ติดคุก 6 เดือน ส่วนที่อ้างว่าเป็นสายลับให้ตำรวจ จากการตรวจสอบทราบว่าคนร้ายเคยเป็นสายให้ตำรวจจริง แต่ประพฤติตนไม่เหมาะสม และชอบอ้างตัวเป็นตำรวจ ทำการตักเตือนมาหลายครั้ง แต่ไม่เชื่อฟังจึงถูกสั่งไม่ให้เข้ามาทำหน้าที่สายลับ 

ด้าน น.ส.เอ ผู้เสียหาย ให้การว่ามีสามีเป็นชาวต่างชาติ รู้จักกับนายสุขสันต์ ในชื่อเจมส์ จากการแชทบาดูได้เพียง 3 วัน และคิดว่าเป็นคนดี จึงคุยตอบแชทด้วย ก่อนเกิดเหตุนายสุขสันต์ นั่งรถแท็กซี่มาหาตนที่บ้านพัก ตนก็ให้การต้อนรับและไม่คิดอะไร นอกเหนือจากความเป็นเพื่อน ระหว่างตนกำลังตากผ้าอยู่หลังบ้าน คนร้ายได้ชักอาวุธปืนออกมาขู่ และนำกุญแจมือมาใส่ที่ข้อมือทั้งสองข้างของตน ซึ่งตอนนั้นลูกสาวของตนวัย 11 ขวบ ดูทีวีอยู่ จากนั้นคนร้ายบอกว่าตนมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งที่ตนไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และหากไม่อยากโดนจับดำเนินคดี ให้เอาเงินมาแลกกับการปล่อยตัว 100,000 บาท และอย่านำเรื่องไปบอกใคร หากไม่เชื่อจะฆ่าให้ตาย เพราะกำลังเดือดร้อนในหน้าที่การงาน ซึ่งทำให้ตนตกใจมาก เนื่องจากคนร้ายมีลักษณะเหมือนคนเมายาบ้า ตนจึงตั้งสติยอมทำตามที่คนร้ายบอก เพราะกลัวว่าตัวเองและลูกสาวจะได้รับอันตราย 

หลังยอมทำตามคนร้ายจึงพาตนนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ตนเองไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มหน้าร้านสะดวกซื้อ เขตเทศบาลนครอุดรธานี 20,000 บาท และบอกว่าจะพาไปเซฟเฮาส์ และยังแวะขี่เข้ามาใน สภ.เมืองอุดรธานี ทำทีให้เหมือนว่าเป็นตำรวจตัวจริง ตนเชื่อเพราะมีปืน และมีซองตราโล่ตำรวจแขวนอยู่ที่คอด้วย จากนั้นคนร้ายได้พาตนขี่รถไปทางเปลี่ยว และจอดรถแย่งเอาโทรศัพท์มือถือจากตนไป พร้อมชักปืนออกมาขู่ว่าจะยิงทิ้ง หากนำเรื่องไปบอกใคร ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ของตนหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ตนจึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดีให้พามาแจ้งความตำรวจที่โรงพัก และติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้ในที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่

กทม. 19 ก.ค. – รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่ ระบุข้อมูลคดีใหม่ เป็นพระในพื้นที่ต่างจังหวัด และไม่เกี่ยวกับคดี “กอล์ฟ” พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เพิ่งรับทราบจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับกระแสข่าวลือพาดพิงถึงพระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ซึ่งไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ข่าวลือจนสร้างความเสียหาย โดยยืนยันว่าที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีพระชั้นผู้ใหญ่มีความเกี่ยวข้องสีกาอีก แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟ เป็นพระที่มีสมณศักดิ์สูงกว่าพระในคดีกอล์ฟ แต่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีกอล์ฟ และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้หลักฐานชัดเจนก่อน ส่วนการตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระโดยเฉพาะ ขณะนี้ มีประชาชนแจ้งเบาะแสมาแล้วหลายร้อยสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังคัดแยกข้อมูล จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะมีเรื่องที่เกี่ยวกับกอล์ฟอีกหรือไม่.-412-สำนักข่าวไทย