ตลาดอสังหาฯ ภาคตะวันตก อาคารชุดเหลือขายฉุดอัตราดูดซับต่ำต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ  17 มิ.ย. – ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ วิเคราะห์ตลาดที่อยู่อาศัยภาคตะวันตกปี 2563 อาคารชุดเหลือขายฉุดอัตราดูดซับต่ำต่อเนื่อง


นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่าในพื้นที่ภาคตะวันตก พบว่าสิ้นปี 2562 มีโครงการที่อยู่อาศัยเสนอขาย 6,795 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 1.9 ของจำนวนที่อยู่อาศัยใน 26 จังหวัดหลักซึ่งมีจำนวนรวม 355,145 หน่วย มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยน้อยที่สุดในกลุ่ม 26 จังหวัด โดยแบ่งเป็นที่อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 3,692 หน่วย และจังหวัดเพชรบุรี 3,103 หน่วย

จากการสำรวจภาพรวมโครงการที่อยู่อาศัยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในช่วงครึ่งหลังปี 2562 อุปทานภาพรวมมีที่อยู่อาศัยเสนอขาย 95 โครงการ รวม 3,692 หน่วย มีโครงการที่เปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง 1,069 หน่วย โดยเป็นบ้านจัดสรรทั้งหมด ในช่วงครึ่งหลังปี 2562 มีจำนวนหน่วยที่ขายใหม่ 942 หน่วย และเหลือขาย 2,750 หน่วย มูลค่า 13,059 ล้านบาท ส่วนทำเลที่มียอดขายใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.ทำเลทับใต้ มีอัตราดูดซับร้อยละ 8.8  2.ทำเลหัวหิน  อัตราดูดซับร้อยละ 4.8 และ 3.ทำเลเขาตะเกียบ อัตราดูดซับร้อยละ 2.0


ทั้งนี้ ในจำนวนดังกล่าวมีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จเหลือขาย (พร้อมโอน) หรือเป็น Inventory สิ้นปี 2562 จำนวน 505 หน่วย มูลค่า 2,866 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านจัดสรร 173 หน่วย มูลค่า 820 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 332 หน่วย มูลค่า 2,046 ล้านบาท โดยทำเลมีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จเหลือขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หัวหิน 207 หน่วย  เขาหินเหล็กไฟ 96 หน่วย และปราณบุรี 83 หน่วย

ส่วนปี 2563 คาดการณ์ว่าจะมีการปรับตัวของตลาดมากพอสมควร เนื่องจากยังมีจำนวนหน่วยเหลือขายจำนวนมากทั้งในส่วนของบ้านเดี่ยว และอาคารชุด  ส่งผลให้อัตราดูดซับของทุกกลุ่มประเภทที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มที่จะปรับลดลง เมื่อพิจารณาจากภาพรวมในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 อัตราดูดซับจะอยู่ที่ร้อยละ 4.3 ลดลงจากร้อยละ 5.1 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ส่วนปี 2563 คาดการณ์ว่าอัตราดูดซับจะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 0.9-1.7 โดยคาดว่าจะมีโครงการใหม่เปิดขายประมาณ 981 หน่วย ขณะที่มีหน่วยเหลือขายสะสมประมาณ 3,244 หน่วย ในจำนวนดังกล่าวหากไม่มีการก่อสร้างหน่วยเหลือขายเข้ามาเติมในตลาด และอุปทานใหม่ไม่เพิ่มในกลุ่มสินค้าที่มีปัญหา คือ กลุ่มอาคารชุดระดับราคา 2-3 ล้านบาท ตลาดโดยรวมน่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2564 

สำหรับผลสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี พบว่าสิ้นปี 2562 มีจำนวนที่อยู่อาศัยเสนอขายจำนวนทั้งสิ้น 55 โครงการ 3,103 หน่วย ลดลงจากช่วงครึ่งปีแรกร้อยละ -22.9 โดยมีโครงการที่เปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังเพียง 499 หน่วย ซึ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรรทั้งหมด เมื่อพิจารณาจากหน่วยขายได้ใหม่จากการสำรวจพบว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2562 มีหน่วยขายใหม่ 460 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรกร้อยละ 26.7 ในจำนวนดังกล่าวเป็นการขายห้องชุด 147 หน่วย และเป็นบ้านจัดสรร 313 หน่วย และมีหน่วยเหลือขาย 2,643 หน่วย ลดลงจากช่วงครึ่งปีแรกร้อยละ -27.8 มูลค่ารวม 10,575 ล้านบาท โดยเป็นหน่วยเหลือขายประเภทโครงการอาคารชุด 1,809 หน่วย บ้านจัดสรร 834 หน่วย 


จากการที่จำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีอัตราการขายได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 26.7 จึงส่งผลให้จำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขายมีอัตราลดลงร้อยละ -27.8 โดยทำเลที่มีที่อยู่อาศัยเหลือขายมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ชะอำตอนเหนือ 1,793 หน่วย ชะอำตอนใต้  604 หน่วย และเมืองเพชรบุรี 239 หน่วย ส่วนทำเลขายใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ทำเลชะอำตอนใต้  275 หน่วย อัตราดูดซับร้อยละ 5.2 ทำเลชะอำตอนเหนือ 160 หน่วย อัตราดูดซับร้อยละ 1.4 และทำเลเมืองเพชรบุรี 25 หน่วย อัตราดูดซับร้อยละ 1.6 ตามลำดับ 

โดยมีหน่วยที่สร้างเสร็จเหลือขาย (พร้อมโอน) หรือเป็น Inventory ในพื้นที่สำรวจจังหวัดเพชรบุรีมีจำนวน 1,873 หน่วย มูลค่า 6,992 ล้านบาท ซึ่ง 3 ทำเลที่มีหน่วยสร้างเสร็จเหลือขายมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.ทำเลชะอำตอนเหนือ จำนวน 1,706 หน่วย 2.ทำเลชะอำตอนใต้ จำนวน 85 หน่วย 3.ทำเลในเมืองเพชรบุรี จำนวน 80 หน่วย 

ในปี 2563 คาดการณ์ว่าจะมีการปรับตัวของตลาดโดยเฉพาะในส่วนของโครงการอาคารชุดมากพอสมควร เนื่องจากมีจำนวนหน่วยสร้างเสร็จเหลือขายสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้อัตราดูดซับของทุกกลุ่มประเภทที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มปรับตัวลดลง แม้ภาพรวมในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 อัตราดูดซับรวมของทุกประเภทจะอยู่ที่ร้อยละ 2.5 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.5 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 แต่ด้วยจำนวนหน่วยเหลือขายที่ยังคงมีอยู่มากพอสมควร จึงคาดว่าจะส่งผลให้อัตราดูดซับในปี 2563 ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 0.8-2.4 โดยคาดว่าจะมีโครงการใหม่เปิดขายประมาณ 364 หน่วย ในขณะที่มีหน่วยเหลือขายสะสมประมาณ 2,610 หน่วย ในจำนวนดังกล่าว ที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดยังคงน่าเป็นห่วงเนื่องจากมีหน่วยเหลือขายมากที่สุดถึง 1,660 หน่วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]