กรุงเทพฯ 17 มิ.ย.-ตำรวจคุมลูกสาวมือแทงและตัดอวัยวะเพศพ่อบังเกิดเกล้า ตรวจหาสารเสพติดและอาการทางจิต คาดปมเคยถูกพ่อทุบตีตั้งแต่เด็ก ซ้ำสามีข่มขืนลูกสาวตัวเองจนเกิดความเครียดกดดัน
ความคืบหน้าล่าสุดกรณีเหตุสะเทือนใจลูกแทงพ่อจนเสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 306/141 ซอยชุมชนท่าทราย3 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยพบศพนายเกษม บุญญชล อายุ 58 ปี สภาพศพโดนมีดฟันที่กลางหน้าผาก และอวัยวะเพศถูกตัดทั้งพวง ส่วนผู้ก่อเหตุคือบุตรสาว วัย 29 ปี หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปก่อนตำรวจติดตามจับกุมตัวได้เมื่อเวลาประมาณ 02.30 น. (17 มิ.ย.) บริเวณปากซอยชินเขต 1/31 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ขณะที่กำลังเดินอยู่ข้างถนน จึงเชิญตัวมาที่สน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งตลอดทั้งคืนเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสอบปากคำได้ เนื่องจากผู้ต้องหายังพูดจาไม่รู้เรื่อง
ในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำอาหารและน้ำให้ผู้ต้องหารับประทาน จากนั้นได้นำผู้ต้องหาส่งไปตรวจหาสารเสพติดและตรวจสภาพจิตใจ ที่สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กรมการแพทย์ หรือ โรงพยาบาลธัญญารักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
ขณะที่ควบคุมตัวไปขึ้นรถผู้ต้องหามีสภาพพูดจาโต้ตอบได้ พร้อมตะโกนปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิดอะไร ที่ผ่านมาเคยถูกผู้ตายทำร้ายลงไม้ลงมือซ้อมมาตั้งแต่เด็ก นอกจากนี้สามีของตนยังเคยข่มขืนลูกของตน ซึ่งเคยมาแจ้งความที่สถานีตำรวจไว้แล้ว
จากนั้นมารดาของผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาที่สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อเยี่ยมลูกสาวและทำเรื่องเอกสารเพื่อไปขอรับศพอดีตสามี พร้อมเปิดเผยว่า มาที่สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อเยี่ยมลูกสาว และปรึกษาเรื่องเอกสารรับศพอดีตสามี ทั้งนี้จะไม่ยื่นประกันตัวลูกสาวหวั่นไปก่อเหตุกับใครอีก และจะได้ส่งไปรักษาตัวอีกด้วย ที่ผ่านมาตนได้เลิกรากับผู้เสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนลูกสาวนั้นไม่เจอกันตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ประมาณเดือนเมษายน ที่ผ่านมาเริ่มเห็นว่าลูกสาวมีอาการเกี่ยวกับสภาพจิตใจตั้งแต่ปี 2560 และมีการพบแพทย์เพื่อรักษาในช่วงปี 2561 ซึ่งช่วงนั้นมีคดีความเรื่องสามีของลูก
นายทรงธรรม โพธิ์แก้ว อายุ 59 ปี พ่อเลี้ยง เล่าว่า ผู้ต้องหาได้รับการรักษาทางจิตและติดยาจริง เคยเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กเห็นพ่อเคยทำร้ายมาตลอด และได้รับลูกผู้ต้องหามาดูแล เชื่อก่อเหตุเพราะกดดันจากที่เคยถูกกระทำ และในช่วงสิ้นเดือนนี้จะมีการตัดสินในคดีที่สามีได้ก่อเหตุขืนใจลูกสาวตัวเอง
พันตำรวจโทสุรินทร์ ภู่ฤทธิ์ รองผู้กำกับการสืบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุฝ่ายสืบสวนได้แกะรอยติดตามตัวผู้ก่อเหตุ พบว่าผู้ก่อเหตุได้ไปหาเพื่อนก่อนจะนั่งรถแท็กซี่ออกไปไม่ทราบปลายทาง ทีมสืบสวนได้ลงพื้นที่ไปเฝ้าอยู่หลายจุดกระทั้งไปพบอยู่หน้าปากซอยชินเขต 1/31 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ จึงเชิญตัวมาที่สถานีตำรวจและไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มีรายงานว่า ตั้งแต่ถูกจับกุมตัวได้ มีลักษณะอาการเกี่ยวกับจิตใจ มีการตะโกนอยู่ภายในห้องควบคุม ว่า ถูกใส่ร้าย และถามว่าเมื่อไหร่จะปล่อยหนู หนูอึดอัด และที่ผ่านมาหญิงวัย 29 ปี ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจบ่อยครั้ง เพื่อแจ้งความเกี่ยวกับคดีของลูก ซึ่งการมาแต่ละครั้งจะเรียกวินรถ จยย.รับจ้างให้มาส่ง บางครั้งก็ไม่จ่ายเงินค่าโดยสาร ตำรวจต้องจ่ายค่ารถแทน .-สำนักข่าวไทย