เลขาฯ สมช.เผยสัปดาห์หน้าหารือต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

ทำเนียบฯ 16 มิ.ย.-“พล.อ.สมศักดิ์” เลขาฯ สมช. เผยสัปดาห์หน้านัดสาธารณสุข-ฝ่ายความมั่นคง หารือต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือไม่ หากไม่ต่อจะใช้กฎหมายใดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยันไม่ห่วงม็อบการเมือง


พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นการหารือถึงการเตรียมการหากจะมีการยกเลิกการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งกำลังพิจารณาดูว่าจะมีกฎหมายฉบับอื่นมาใช้แทนได้อย่างมีประสิทธิภาพบ้าง โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านการสาธารณสุข และหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อหารือกันอีกครั้งว่าควรจะมีการต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือไม่ หรือควรมีกฎหมายฉบับใดมีประสิทธิภาพมากเท่ากับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ บ้าง เพราะการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะครบกำหนดในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ 

“สำหรับกฎหมายที่จะนำมาใช้ทดแทนนั้นพิจารณาไว้หลายฉบับ ทั้ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ ที่ขณะนี้นำมาใข้ควบคู่กับพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นอกจากนี้ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เราพิจารณาหลายทางเลือกเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด นายกรัฐมนตรีก็ให้ความสำคัญกับการเปิดประเทศ เราจึงจำเป็นต้องมีมาตรการมารองรับในกรณีที่ไม่มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แล้ว วันนี้ไม่ได้ตั้งธงว่าจะต้องมีหรือไม่มี แต่เราพิจารณาตามสภาพแวดล้อม โดยให้น้ำหนักกับด้านสาธารณสุขเป็นหลัก” พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวœ


ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่ว่าถ้าหากไม่มีพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แล้วจะมีการเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมืองมากขึ้น เลขาฯ สมช. กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เราไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยทางการเมืองเลย หรือถ้าจะต่ออายุเพื่อใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็จะต้องไม่มีเรื่องทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะแม้จะมีการชุมนุมก็มีกฎหมายฉบับอื่นที่บังคับใช้กับเรื่องนั้น ๆ อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และที่พูดก็เพื่อชี้ให้เห็นว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการเมือง

เมื่อถามว่ากระทรวงสาธารณสุขมีความกังวลสถานการณ์ในภาพรวมขณะนี้หรือไม่เพราะมีหลายประเทศ ที่มีผู้ติดเชื้อกลับมาอีก  พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า สถานการณ์โดยรวมของโลกก็ยังไม่น่าไว้วางใจ เช่น จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ก็เกิดการระบาดรอบ 2 จึงต้องนำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาประกอบด้วย รวมถึงต้องดูตัวเลขความร่วมมือของประชาชนในประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าประชาชนเริ่มการ์ดตก เพราะวันแรกหลังการยกเลิกเคอร์ฟิว ก็มีการไปเฉลิมฉลอง จึงขอเตือนประชาชนว่าการ์ดอย่าตก มาตรฐานที่ทำดีมาตลอดก็ขอให้คงไว้ต่อไป แม้ขณะนี้ยังมีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อยู่ แต่ก็มีการผ่อนคลายกิจกรรมกิจการหลายอย่างไปแล้ว รวมถึงมีการยกเลิกเคอร์ฟิว ทำให้ทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่มีอะไรมาบังคับแต่ก็อยากให้ทุกคนให้ความร่วมมือและช่วยกันดูแล.-สำนักข่าวไทย       


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง