กทม.16 มิ.ย.- ตำรวจเร่งตามตัวผู้เผยแพร่คลิปเด็กแว้นเก่า สร้างความตื่นตระหนกให้สังคมพร้อมปรับแผนจัดชุดเคลื่อนที่เร็วกว่า ดูแลชีวิตและทรัพย์สินประชาชนหลังยกเลิกเคอร์ฟิว
พลตำรวจโทดำรงศ้กดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมพันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงมาตรการแก้ไขปัญหาการแข่งรถในทาง หรือ การรวมกลุ่มมั่วสุมในลักษณะนำไปสู่การแข่งรถในทาง หลังรัฐบาลประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยในเรื่องดังกล่าวว่า ตำรวจได้ขานรับนโยบายมาตลอด เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า มีผู้โพสต์ข่าวเก่า เมื่อเดือนเมษายน 2560 กรณีกลุ่มวัยรุ่นแข่งรถในทางพื้นที่ สน.พระโขนง ซึ่งในข้อเท็จจริงตำรวจได้ติดตามจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว ส่วนที่จังหวัดสงขลา มีวัยรุ่นรวมกลุ่มเต้นโชว์บนถนนช่วงเวลา 21.30 น.นั้นตำรวจได้นำตัวกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 6 คนมาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว พบว่าเป็นเยาวชนอายุ 15 – 18 ปีเพราะความคึกคะนอง ซึ่งเยาวชนทั้ง 6 คนโดยถูกเปรียบปรับคนละ 1,000 บาท และมีเยาวชน 3 ราย ถูกปรับข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่อีก 500 บาท ส่วนผู้ปกครองถูกเชิญตัวมาทำทัณฑ์บน และถูกปรับอีก 500 บาท
พลตำรวจโทดำรงศ้กดิ์ เพิ่มเติมมาตรการแก้ไขของตำรวจแบ่งออกเป็น 4 ช่วง คือก่อนเกิดเหตุ มีการรวบรวมข้อมูลกลุ่มเสี่ยง, ขณะเกิดเหตุ นำรับแจ้งจากประชาชน มาประมวลผล และจัดสายตรวจลงพื้นที่กวดขัน, มาตรการสอบสวนขยายผล โดยนำข้อมูลกลุ่มอายุ และสถานที่เกิดเหตุและลงฐานระบบคราม เพื่อตั้งจุดตรวจจัดสกัดในพื้นที่เสี่ยง และ ,และมาตรการเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ในส่วนของประชาชนที่ส่งคลิปภาพแจ้งเบาะแสการแข่งรถในทาง หรือ แอดมินเพจที่สนับสนุนให้มีการแข่งรถมาที่สายด่วน 1599 หรือ 191 หรือ เพจเฟซบุ๊คศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. จนนำไปสู่การจับกุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมอบเงินรางวัลตอบแทนให้รายละ 3,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ได้เงินรางวัล รวม 19 ราย อยู่ระหว่างรับเงิน 3 ราย
ขณะที่ด่านเคอร์ฟิวกว่า 500 จุดทั่วประเทศ ได้ปรับเปลี่ยนเป็นจุดตรวจ จุดสกัด กว่า 1,000 จุด รวมทั้งชุดเคลื่อนที่เร็วกว่า 1,000 ชุด เพื่อเฝ้าระวังการกระทำความผิดทั้งการประทุษร้ายร่างกาย ทรัพย์สิน หรือ ก่อความเดือนร้อนแก่ประชาชน ส่วนผลการจับกุมตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2562 – 30 เมษายน 2563 สามารถจับกุมการผู้แข่งรถในทา, ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และสนับสนุนให้มีการแข่งรถ รวม 1,699 ราย ดำเนินคดีผู้ปกครอง ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 51 ราย และแอดมินเพจที่จัดเชิญชวนให้มีการแข่งขันความเร็ว รวม 101 ราย.-สำนักข่าวไทย
