ชง ครม.เห็นชอบ 3 มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว 2 หมื่นล้าน

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย.- รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเสนอ 3 มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ วงเงิน 20,000 ล้านบาท เข้า ครม.พิจารณาเห็นชอบในวันที่ 16 มิถุนายนนี้


เรื่องนี้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา บอกกับสำนักข่าวไทย อสมท ว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 16 มิถุนายนนี้นี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะนำเสนอ 3 มาตรการ กระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วง 4 เดือน ตั้งแต่ ก.ค.-ต.ค.2563 โดยใช้วงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว 3 กลุ่ม คือ กลุ่มบริษัททัวร์หรือบริษัทนำเที่ยว กลุ่มโรงแรม ที่พัก และกลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำ พร้อมเตรียมออกแพ็กเกจเราไปเที่ยวกัน เป็นโครงการช่วยเหลือโรงแรมและที่พักที่ถูกต้องตามกฎหมาย


สำหรับรายละเอียดทั้ง 3 แพ็กเกจล่าสุด ประกอบด้วย

1.แพ็กเกจ “กำลังใจ” ตอบแทนบุคลากรที่ปฏิบัติงานแนวหน้าในการรับมือสถานการณ์โควิด-19 เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จำนวน 1.2 ล้านคน ด้วยการสนับสนุนงบฯ ศึกษาดูงานแบบอบรมสัมมนา ผ่านผู้ประกอบการนำเที่ยวในประเทศ เช่น บริษัททัวร์ และรถเช่า ใช้งบ 2,400 ล้านบาท หรือรัฐบาลจะจ่ายเงินให้ 2,000 บาท/คน


2.แพ็กเกจ “เราไปเที่ยวกัน” ช่วยเหลือโรงแรมและที่พักที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเป็นระบบร่วมกันจ่าย หรือ Co-payment เป้าหมายห้องพัก 5 ล้านห้อง เบื้องต้นรัฐบาลจะช่วยจ่าย 40% หรือเที่ยวได้ไม่เกิน 5 วัน/คน หรือไม่เกิน 3,000 บาท/คน โดยผู้ที่จะได้รับสิทธิต้องเป็นคนไทยอายุ 20 ปีขึ้นไป สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารกรุงไทย เพื่อขอรับบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำมาเป็นส่วนลด

และ 3.แพ็กเกจ “เที่ยวปันสุข” เพื่อช่วยเหลือสายการบินต้นทุนต่ำ จะมีขั้นตอนและวิธีดำเนินการคล้ายกับแพ็กเกจเราไปเที่ยวกัน แต่จะใช้เงินสำหรับซื้อตั๋วเครื่องบิน ถือเป็นโครงการ Co-payment ระหว่างนักท่องเที่ยวและรัฐบาล โดยผู้ใช้บริการออกค่าตั๋ว 60% รัฐบาลให้ส่วนลด 40% โดยแพ็กเกจ “เที่ยวปันสุข” นี้ เบื้องต้นสายการบินต้นทุนต่ำจะนำเสนอขายตั๋วในแบบบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับเที่ยวบินในประเทศ ในราคา 2,500 บาท (ไป-กลับ) ซึ่งรัฐจะจ่ายเงินให้ธุรกิจ 40% หลังผู้โดยสารเดินทางไปใช้บริการ ส่วนรถเช่าก็สนับสนุนให้ 40% แต่ไม่เกิน 1,000 บาท ทั้งนี้ เงินทั้งหมดจะโอนเข้าไปยังผู้ประกอบการท่องเที่ยวโดยตรง โดยทั้ง 3 แพ็กเกจจะนำเสนอ ครม.อนุมัติในวันที่ 16 มิถุนายนนี้

ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ระบุว่า สถานการณ์ตลาดท่องเที่ยวในประเทศ ช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา แทบจะไม่มีความเคลื่อนไหว ไม่มีการเดินทางระหว่างกัน เป็นผลจากการล็อกดาวน์การเดินทาง ส่งผลให้ตลอด 5 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่ 40.15 ล้านคนเท่านั้น ลดลง 58.19% หรือลดลง 55.88 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลให้รายได้ของตลาดไทยเที่ยวไทยมีประมาณ 191,000 ล้านบาท ลดลง 57.86% หรือลดลง 263,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง