จันทบุรี 13 มิ.ย.- สัตวแพทย์-นักวิชาการ ลุยจับค้างคาวมงกุฎในถ้ำกลางป่า จ.จันทบุรี ตรวจหาเชื้อโควิด-19 หลังพบค้างคาวมงกุฎในเมืองจีนมีเชื้อโควิด-19 พบเมืองไทยมีค้างคาวสายพันธุ์นี้ถึง 23 สายพันธุ์ แต่ยังไม่เคยมีการค้นหาเชื้อไวรัสมาก่อน
นี่เป็นภาพขณะเจ้าหน้าที่ร่วมกันตรวจหาค้างคาวภายถ้ำสะดอ หมู่ 2 ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี โดยมุ่งเน้นไปที่การค้นหา “ค้างคาวมงกุฎ” โดยทีมงานมีทั้งนายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หรือ “หมอล็อต”, ดร.สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี จากศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ คนไทยคนแรกที่ค้นพบเชื้อโควิด-19 ในไทย และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ใช้เวลาตั้งแต่ 18.00-03.00 น.ของคืนวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา จับมาได้มากกว่า 100 ตัว นำมาตรวจสอบเลือด น้ำลาย และอุจจาระ ก่อนนำตัวอย่างที่เก็บได้จากค้างคาวชนิดนี้ไปหาเชื้อโควิด-19 อย่างละเอียดในห้องแล็บต่อไป
นอกจากนี้ คณะสัตวแพทย์กรมอุทยานแห่งชาติฯ ยังร่วมกันให้ความรู้เกี่ยวกับเชื้อโรคติดต่อจากค้างคาวแก่ผู้นำชุมชน ครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านคลองคต ต.หนองตาคง อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ซึ่งปัจจุบันคนงานในสวนลำไยจากประเทศเพื่อนบ้านบางส่วนใน อ.โป่งน้ำร้อน ยังกินค้างคาวที่มาติดตาข่ายดักค้างคาว
ดร.สุภาภรณ์ เปิดเผยว่าสาเหตุที่ต้องเริ่มตรวจสอบค้างคาวมงกุฎ เนื่องจากมีรายงานจากประเทศจีนว่าเชื้อโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในคนมีลักษณะเดียวกันกับไวรัสที่พบในค้างคาวมงกุฎ ที่สำคัญมีการพบค้างคาวชนิดนี้ในไทยด้วย ซึ่งมีถึง 23 สายพันธุ์ จึงจำเป็นต้องค้นหาโรคและไวรัสโควิด-19 ในค้างคาวมงกุฎทุกสายพันธุ์ในเมืองไทย และเป็นครั้งแรกของไทยที่มีการหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในค้างคาวมงกุฎอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ การวิจัยเรื่องโรคจากค้างคาวที่เมืองไทยทำมาเกือบ 20 ปี ยังไม่เคยมีการตรวจสอบค้าวคาวมงกุฎแต่อย่างใด
แต่ถ้ามองการพบเชื้อโควิด-19 ในค้างคาวมงกุฎแบบเดียวที่พบค้างคาวสายพันธุ์นี้ในจีน เมืองไทยก็มีโอกาสจะพบเชื้อไวรัสนี้ แต่อัตราการติดเชื้อจะมีโอกาสมากหรือน้อยต้องตรวจสอบต่อไป และไวรัสนี้จะกลับมาเกิดขึ้นในไทยจากค้างคาวมงกุฎหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการกินอาหารของคนไทย หากไม่กินค้างคาวก็ยากจะได้รับเชื้อ แต่ที่เป็นห่วงคือคนที่ยังนิยมกินค้างคาวเป็นอาหาร มีโอกาสจะติดเชื้อได้ง่ายอย่างยิ่ง
ด้านนายสัตว์แพทย์ภัทรพล เปิดเผยว่า เป็นที่น่ากังวลที่ยังมีคนนิยมกินค้างคาว เพราะมีความเชื่อผิดๆ การกิน การจับ มีโอกาสจะได้รับเชื้อไวรัสหรือเชื้อโรคใด ๆ ก็ได้ จึงจำเป็นต้องทำคู่มือว่าด้วยเรื่องการอยู่ค้างคาวอย่างปลอดภัยแจกจ่ายให้ประชาชน ขณะนี้กลุ่มนักวิจัยกำลังศึกษาเส้นทางการอพยพ เส้นทางการหากินของค้างคาว โดยเน้นไปที่ค้างคาวมงกุฎ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสหรือโรคที่มจากค้างคาวในอนาคต เป็นการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับไวรัส แต่วิธีป้องกันที่ง่ายที่สุดคือการไม่ไปทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายธรรมชาติ หรือบุกรุกป่า ไม่ล่า ไม่ค้าสัตว์ป่า เชื้อโรคใดๆ จากสัตว์ป่าก็ไม่สามารถมาสู่คนได้.-สำนักข่าวไทย