ย้ายตำรวจ 5 นาย เซ่นปมทลายบ่อนใหญ่เมืองมาบตาพุด

ระยอง 11 มิ.ย. – มีคำสั่งย้ายผู้กำกับการ สภ.มาบตาพุด และตำรวจรวม 5 นาย เซ่นปมเจ้าหน้าที่บุกทลายบ่อนการพนันใหญ่ในพื้นที่ พร้อมเตรียมขยายผลจับเจ้าของบ่อน 



ความคืบหน้ากรณีเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ดีเอสไอ ตำรวจ สภ.มาบตาพุด และตำรวจระยอง พร้อมอาวุธครบมือกว่า 50 นาย บุกทลายบ่อนการพนันใหญ่ในมาบตาพุด ภายในซอยหลังห้างสรรพสินค้าชื่อดัง จับกุมนักพนันได้ 130 คน พร้อมของกลางเครื่องเล่น อุปกรณ์การพนัน เงินสด ชิปต่างๆ รวมกว่า 55 รายการ รวมถึงสมุดบัญชีมียอดเงินหมุนเวียนกว่าวันละ 11 ล้านบาท เงินสดในตู้เซฟ 4 ล้านบาท พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันลักลอบเล่นการพนัน (ไพ่เสือมังกร, ไฮโล, เครื่องสล็อต) โดยผิดกฎหมาย และร่วมกันชุมนุม ทำกิจกรรม หรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการเเพร่เชื้อโรค อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 


ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ DSI กล่าวว่า บ่อนดังกล่าวเป็นบ่อนขนาดใหญ่ ลักลอบเปิดเล่น 24 ชั่วโมง มานานแล้ว มีคนเล่นวันละ 200-300 คน โดยทางเข้าเป็นห้องเช่า หน้าห้องมีป้ายข้อความ RJ มีทางเดินเชื่อมไปยังห้องเล่นพนัน ซึ่งเป็นโกดังขนาดใหญ่ด้านหลัง จุคนได้ 500-600 คน มีกล้องวงจรปิดจับภาพทุกมุมภายในห้องเล่นพนันกว่า 50 ตัว และมีประตูลับ 3 ประตู เพื่อใช้หลบหนี ก่อนหน้านี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่เป็นสายลับเข้าไปเล่นประมาณ 1 สัปดาห์ จนมั่นใจ จึงบุกเข้าจับกุม เตรียมขยายผลถึงเจ้าของบ่อนตัวจริง โดยจะมีการสืบสวนเส้นทางการเงิน และนำ พ.ร.บ.ฟอกเงิน มาบังคับ สอบสวนเบื้องต้นพบเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกับที่นำตู้พนันไปลงที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเคยถูกจับกุมมาแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นบ่อนถาวร มีรถรับส่งคนมาเล่น คนพามาจะได้หัวคิวคนละ 200 บาท


พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจ จำนวน 5 นาย ประกอบด้วย ผกก.สภ.มาบตาพุด รอง ผกก.ป.ฯ, รอง ผกก.สส.ฯ, สวป.ฯ, และ สว.สส.ฯ ไปปฏิบัติราชการยัง ศปก.ภ.จว.ระยอง พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว หากพบว่าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการตามระเบียบอย่างเด็ดขาด ว่ากันไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ อย่างไรก็ตาม คงต้องรอการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวให้เสร็จสิ้นเสียก่อนว่า ท้องที่ที่เกิดเหตุมีการปล่อยปละละเลยหรือไม่ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง