พิษณุโลก 9 มิ.ย.- ชาวบ้าน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ขอความช่วยเหลือถูกยึดที่ดินบรรพบุรุษ 4 ไร่ หลังลูกสาวซื้อมือถือ แล้วขาดส่ง จนถูกยึดที่ขายทอดตลาด เจ้าของใหม่จะขายคืนราคา 1.6 ล้านบาท แต่ครอบครัวยากจนไม่มีกำลังซื้อ
นายประเสริฐ ศรีทอง อายุ 76 ปี และนางก้อนดิน ศรีทอง อายุ 64 ปี สองสามีภรรยาชาวบ้าน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ที่ก่อนหน้านี้นางสุรีพร บุตรสาว ไปซื้อโทรศัพท์มือถือกับร้านแห่งหนึ่ง เป็นเงินจำนวน 27,000 บาท วางเงินดาวน์ไป 8,000 บาท ผ่อนส่งได้เพียง 2 งวด แล้วไม่ได้ส่งต่อ ทำให้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี จนกรมบังคับคดีต้องนำที่ดินและที่อยู่อาศัยไปขายทอดตลาดในราคาประมาณ 500,000 บาท เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าโทรศัพท์รวมดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวน 37,000 บาท
โดยขณะนี้ได้รับความเดือดร้อน เพราะจะถูกยึดที่ดิน และถูกไล่ที่มจนต้องไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ และเรื่องอยู่ระหว่างไกล่เกลี่ยระหว่างครอบครัวของนายประเสริฐ เจ้าของที่ดิน และบุคคลที่ซื้อที่ดินไป เนื่องจากหากจะซื้อคืนต้องซื้อในราคา 1.6 ล้านบาท ครอบครัวยากจนไม่มีกำลังซื้อคืนกลับมาในราคาดังกล่าว และที่ดินทั้งหมดก็เป็นมรดกตกทอดตั้งแต่บรรพบุรุษอีกด้วย
นายประเสริฐ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะถูกกรมบังคับคดีนำที่ดินไปขายทอดตลาด มีเจ้าหน้าที่จากร้านจำหน่ายมือถือมาหาที่บ้าน ถามว่าใช่บิดาของนางสุรีพรหรือไม่ พร้อมกับนำเอกสารบางอย่างมาให้เซ็น แจ้งว่ากรมบังคับคดีส่งมา เพราะนางสุรีพรซื้อโทรศัพท์และค้างชำระ เพื่อให้ตนเซ็นรับทราบ แต่ก็ไม่รู้เป็นหนังสือเอกสารอะไร เนื่องจากเรียนมาน้อยอ่านหนังสือไม่ออก จึงถามย้ำกลับไปว่าใช่ใบมอบอำนาจหรือเปล่า ทางเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าไม่ใช่อีก ไม่มีการพูดจาหรืออธิบายใดๆ ทั้งสิ้น พอมารู้ที่หลังเหมือนถูกหลอกให้เซ็น จนโดนกรมบังคับคดีนำที่ดิน 4 ไร่ พร้อมกับบ้านที่อยู่อาศัยอีก 3 หลัง ไปขายทอดตลาด รู้สึกตกใจมากทำอะไรไม่ถูก เครียด กินไม่ได้นอนไม่หลับ ขอวิงวอนผู้ที่ซื้อไป ให้ช่วยเห็นใจครอบครัว อย่าขายคืนเอากำไรมากมายเลย เพราะไม่มีหนทางจะไปทางไหนแล้ว เดือดร้อนมากๆ ถ้าถูกยึดที่ดินจริงขอตายดีกว่าอยู่
ด้านนางสุรีพร ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ไปซื้อโทรศัพท์มือถือ กล่าวว่า ตอนนี้รอว่าทางอำเภอจะนัดบุคคลที่ 3 มาคุยเจรจาไกล่เกลี่ยที่ดิน เพื่อให้ได้ราคาที่ครอบครัวมีกำลังส่งเงินไหว สำหรับที่ดินทางบุคคลที่ 3 จะขายคืนในราคา 1.6 ล้านบาท โดยระหว่างนี้แจ้งให้จ่ายค่าเช่าเดือนละ 5,000 บาท แต่ได้ต่อรองเหลือเดือนละ 3,000 บาท ซึ่งกำหนดจ่ายเงินเดือนแรกในพรุ่งนี้ ทางบ้านยังไม่มีเงินพอจ่ายให้ เพราะตนที่ขายหมาล่า มีรายได้ในการขายวันละ 1,000 บาท แต่พอมีโควิด-19 ประกอบกับเด็กปิดเทอม ทำให้รายได้ลดลง ขายของได้เพียงวันละ 400-500 บาท บางวันขายได้ 100 กว่าบาทก็มี ลำพังรายจ่ายชีวิตประจำวันแทบไม่มีเหลืออยู่แล้ว แต่ก็จะพยายามหาเงินเพื่อจ่ายให้ครบ เพราะไม่ต้องการให้ครอบครัวเดือดร้อนไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีสำรวจที่ดินไปหมดแล้ว พร้อมกับนำบัญชีเงินที่เหลือจากผู้ที่ชนะการประมูลทรัพย์จำนวนเงิน 530,000 บาท และหักส่วนที่ค้างชำระค่าโทรศัพท์มือถือมาแจ้ง แต่ทั้ง 3 ครอบครัว ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกันได้รับทราบ และให้เซ็นชื่อรับเงินที่เหลือ แต่ยังไม่มีผู้ใดกล้าเซ็นรับเงิน หวั่นเกรงว่าหากเซ็นรับเงินส่วนที่เหลือแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป.-สำนักข่าวไทย