คุมตัว”บุญช่วย-ลูกชาย”สอบละเอียดคดีฮุบที่ดิน 3,800 ไร่

กทม.9 มิ.ย.- กองปราบ คุมตัว นายบุญช่วยและลูกชาย คดีฮุบที่ดิน 3,800 ไร่ ของมูลนิธิอธิธรรมมหาธาตุ จ.จันทบุรี มาสอบสวน มั่นใจหลักฐาน ด้านเจ้าตัวปัดให้สัมภาษณ์สื่อ 


ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ควบคุมตัวนายบุญช่วย เจริญสถาพร อายุ 80 ปี และนายกิตติพงษ์ เจริญสถาพร อายุ 43 ปี บุตรชาย ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “เบิกความเท็จต่อศาล ,ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ และร่วมกันยักยอกทรัพย์ จากบ้านเลขที่ 32/21 ม.10 ต.คลองพลู อ.เขาคิชฌกูฎ จ.จันทบุรี  มาสอบสวนที่กองบังคับการปราบปราบ หลังตกเป็นผู้ต้องหาคดีฮุบที่ดินธรณีสงฆ์ 3,800 ไร่ ของมูลนิธิอธิธรรมมหาธาตุ จ.จันทบุรี มาเป็นของตัวเองเบื้องต้น นายบุญช่วย ปฏิเสธให้สัมภาษณ์จึงควบคุมตัวขึ้นไปสอบสวนทันที 


พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยมีรายงานจากชุดจับกุมว่าในการเข้าตรวจค้นบ้านพักขณะแสดงหมายจับเข้าจับกุมทั้งสองไม่พบเอกสารหลักฐานใดเกี่ยวกับการครอบครองที่ดิน แต่ในทางคดีผู้ต้องหาได้สร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา โดยหลังจากมีการซื้อขายที่ดินดังกล่าวในปี 2515 แล้วทางมูลนิธิฯได้มอบหมายให้นายบุญช่วยเป็นผู้ดูแล ต่อมาในปี 2550 นายบุญช่วยได้สร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา เปลี่ยนแปลงชื่อ เอกสารครอบครอง  นส. 3  และขอออกโฉนด เป็นชื่อของตัวเองในปี 2553 อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในการสร้างหลักฐานเท็จนั้นต้องมีคนร่วมกระทำผิดมากกว่า 2 คน แต่บางคดีก็หมดอายุความไปแล้ว แต่ไม่หนักใจ เพราะมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุจริง

ด้าน น.ส.เขมจิรา บัณฑูรนิพิท อดีตภรรยา พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตรองจเรตำรวจแห่งชาติ นำรูปภาพและอัฐิ พล.ต.ต.ธารินทร์ มารอพบนายบุญช่วย และนายกิตติพงษ์บุตรชาย

น.ส.เขมจิรา กล่าวว่า หลังต่อสู้คดีมาหลายสิบปี เมื่อนายบุญช่วย กับบุตรชายถูกจับ จึงมาที่กองบังคับการปราบเพื่อเจอตัว เพราะอยากให้พวกเขายอมรับความจริงว่า นายสมพล ขายที่ดินให้พระกิตติวุฒโท ในนามมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุจริงหรือไม่ และมูลนิธิฯจะชี้แจงอย่างไร เพราะ พล.ต.ต.ธารินทร์ ไม่ควรเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบและสื่อมวลชนที่ช่วยติดตามข่าวจนทำให้ความจริงปรากฎ พล.ต.ต.ธารินทร์ จะไม่ตายฟรีสำหรับคดีที่นายบุญช่วย ฟ้องร้องตนฐานฟ้องเท็จเกี่ยวกับเรื่องการครอบครองที่ดินทั้งหมด 3 คดี  ศาลชั้นต้นสั่งลงโทษจำคุกตนและทนายความรวมทั้งหมด 7 ปี โดยรอลงอาญาไว้ก่อน ขณะนี้กำลังเตรียมยื่นอุทธรณ์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้นายมนัส พวงลำเจียก ผู้จัดการมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุ  และนายชวาลิน พึ่งบุญ ณ อยุธยา ทนายความ มูลนิธิฯ เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คลี่คลายคดีให้กระจ่างต่อสังคม รวมทั้งขอบคุณพลตำรวจตรีธารินทร์ กรณีเสียสละชีวิตทำให้คดีนี้มีการตรวจสอบย้อนหลังจนทุกอย่างคลี่คลาย 

กรณีนี้สืบเนื่องจากวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ทางมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย ได้ส่งตัวแทนเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิดนายบุญช่วย ซึ่งเป็นน้องชายของพระกิตติวุฑโฒภิกขุ อดีตประธานมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุ ยักยอกที่ดินในพื้นที่ ต.พลวง ต.ตะเคียนทอง อ.เขาคิชฌกูฏ และบางส่วนใน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ของมูลนิธิฯจำนวน 3,800 ไร่ไปเป็นของตนเอง โดยมีการสวมสิทธิการครอบครองและนำไปออกโฉนดโดยมิชอบ ภายหลังรับเรื่องทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวจึงได้นำกำลังลงพื้นที่สืบตรวจสอบข้อเท็จจริง กระทั่งพบว่า เดิมทีที่ดินผืนนี้เป็นที่ดิน ส.ป.ก. มีนายสมพล โกศลานันท์ เป็นผู้ครอบครอง กระทั่งประมาณปี 2513-2515 พระกิตติวุฒโฑ ได้ก่อตั้งมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย พร้อมกับเปิดรับบริจาครวบรวมเงินของชาวบ้านมาเป็นทุนซื้อที่ดินผืนดังกล่าวจากนายสมพล เพื่อนำมาใช้ปฏิบัติกิจกรรมต่างๆของพระสงฆ์ ในราคา 12 ล้านบาท แต่จ่ายเงินไปเพียง 8 ล้านบาท อีก 4 ล้านบาทยังไม่ได้ชำระ แต่ทางนายสมพล เห็นว่าจะนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ทางศาสนาจึงมอบที่ดินให้ไปใช้ประโยชน์ก่อน 

ต่อมาหลังจากได้ที่ดินมาแล้วพระกิตติวุฒโฑ ได้มอบหมายให้นายบุญช่วย น้องชายเป็นผู้ดูแลที่ดิน แต่เมื่อพระกิตติวุฒโฑ มรณภาพลงในปี 2548 นายบุญช่วยและบุตรชายกลับเริ่มวางแผนที่จะเข้าครอบครองที่ดินผืนดังกล่าว โดยในปี 2550 นายบุญช่วยได้ไปยื่นเรื่องฟ้องร้องนายเรวัฒิ โกศลานันท์ ลูกชายของนายสมพล ในฐานะเป็นผู้รับมรดกเพื่อให้โอนที่ดินดังกล่าวมาเป็นของตัวเอง โดยมีนายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความชื่อดังเป็นทีมทนายความ กระทั่งศาลจังหวัดจันทบุรีมีคำพิพากษาให้ทายาทของนายสมพล โอนที่ดินดังกล่าวไปเป็นชื่อของนายบุญช่วย ตามที่ร้องขอ 

 จากนั้นปี 2554-2555 นายบุญช่วยได้ไปยื่นขอเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก.เป็นโฉนดที่ดินเพื่อทำให้มีมูลค่าสูงขึ้น ทาง น.ส.เขมจิรา บัณฑูรนิพิท และ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ ซึ่งเป็นทายาทรุ่นหลานของนายสมพล จึงเริ่มพบเห็นความผิดปกติ และเกิดความไม่พอใจเพราะเห็นว่าที่ดินดังกล่าวไม่ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางศาสนาตามวัตถุประสงค์เดิม จึงเกิดการฟ้องร้องเป็นคดีความหลายคดี และทางฝ่ายทายาทแพ้คดีมาโดยตลอด รวมถึงยังลุกลามบานปลายจนกลายเป็นมูลเหตุทำให้ พล.ต.ต.ธารินทร์ ตัดสินใจใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่นายบัญชา,นางสุภาพร ภรรยานายบัญชา, นายวิชัย อุดมธนภัทร และนายวิจัย สุขรมย์ ทีมทนายความภายในศาลจังหวัดจันทบุรี ขณะกำลังรอพยานฝ่ายจำเลยและรอผู้พิพากษาขึ้นนั่งบัลลังก์นัดสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดแรก เพื่อรับฟังการพิจารณาคดีการฟ้องร้องทางแพ่งปลีกย่อยเกี่ยวกับที่ดินผืนดังกล่าว จนเป็นเหตุให้นายบัญชา และนายวิจัย เสียชีวิต ส่วนนางสุภาพร และนายวิชัย ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่ พล.ต.ต.ธารินทร์เองภายหลังก่อเหตุได้ถูกนายธนากร ธีรวโรดม เสมียนทนายนำอาวุธปืนของ ร.ต.อ.ขจร บรรจง ตำรวจประจำศาลจังหวัดจันทบุรี ยิงใส่จนเสียชีวิตด้วยเช่นกัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังเกิดเรื่องขึ้นมาทำให้คดีดังกล่าวกลายเป็นที่สนใจจากสังคม ด้วยเหตุนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย กองบังคับการปราบปราามจึงรับโอนสำนวนคดีทั้งหมดมาอยู่ในความดูแล พร้อมกับสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การขอศาลอาญาออกหมายจับและเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่บ้านพัก ในจังหวัดจันทบุรี .-สำนักข่าวไทย

       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ

กทม. 16 ส.ค.-กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ สำรวจความเสียหายการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ลงพื้นที่จ.ศรีษะเกษ เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย โดยมีคณะทูตและผู้แทน จำนวน 36 คน แบ่งเป็น 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ เข้าร่วม ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางกระทรวการต่างประเทศได้บรรยายข้อมูลเบื้องต้นให้คณะได้รับทราบ โดยนายมาริษ กล่าวกับคณะทูต ว่า ขอบคุณที่ร่วมเดินทาง และหวังว่าทุกท่านจะได้รับข้อมูลด้วยตาตัวเองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินทางออกไปยัง จ.ศรีสะเกษ โดยจุดแรกจะนำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาเดินทางไปโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย จากนั้นจะนำคณะทูตและสื่อมวลชนขึ้นไปภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภูมิประเทศ เยี่ยมชมการเก็บกู้ทุนระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ สำรวจความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา.-316.-สำนักข่าวไทย

ไทยมีฝนเพิ่มขึ้น ฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 6 จว.ระวังน้ำท่วม

กทม. 16 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงานไทยมีฝนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน จ.พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนล่าง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ […]

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย