พิษณุโลก 8 มิ.ย. – กรมบังคับคดีออกหนังสือชี้แจงกรณีสาววัย 38 ชาวพิษณุโลก ถูกยึดที่ดินพร้อมบ้านขายทอดตลาด หลังเป็นหนี้ซื้อโทรศัพท์มือถือ ยืนยันเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย โดยแจ้งให้จำเลยและผู้ถือกรรมสิทธิ์ทราบทุกขั้นตอน
กรณีนางสุรีพร ศรีทอง ชาว อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก อายุ 38 ปี ซื้อมือถือด้วยระบบเงินผ่อน แต่ผ่อนชำระได้เพียง 2 งวด จากนั้นไม่สามารถผ่อนส่งตามสัญญาได้จนถูกฟ้องร้อง สืบทรัพย์ และยึดที่ดินผืนสุดท้ายที่อาศัยอยู่กว่า 10 ชีวิต ขายทอดตลาด ซึ่ง จ.ส.อ.พัฒณปกรณ์ ดอนตุ้มไพร เจ้าหน้าที่ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายทรงธรรม เกิดคุณธรรม นายก อบต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม ได้ช่วยไกล่เกลี่ยเจรจากับเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินรายใหม่ เพื่อขอซื้อคืนในราคาที่ควรจะเป็น แต่ไม่สำเร็จ จนต้องพากันเข้าร้องต่อศูนย์ดำรงธรรม เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกช่วยเหลือเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุดวานนี้ (7 มิ.ย.) แฟนเพจเฟซบุ๊ก “กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม” ได้ออกหนังสือชี้แจงกรณีดังกล่าวผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า ตามที่มีข่าวเรื่องถูกยึดที่ดินขายทอดตลาดจากหนี้ซื้อโทรศัพท์มือถือ กล่าวถึงนางสุรีพร ศรีทอง ได้ซื้อโทรศัพท์มือถือในปี 2559 แต่ไม่ได้ผ่อนชำระตามกำหนด เป็นเหตุให้ร้านมือถือฟ้องร้องบังคับคดี และได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นที่ดินมรดกของครอบครัว ออกขายทอดตลาดชำระหนี้ จึงต้องการซื้อทรัพย์ดังกล่าวคืนจากผู้ซื้อในราคาที่เป็นธรรม
กรณีนี้อยู่ในการดำเนินการของสำนักงานบังคับคดีจังหวัดพิษณุโลก โดยโจทก์ได้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยและผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมใน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ออกขายทอดตลาด เพื่อชำระหนี้ตามหมายบังคับคดี ซึ่งปัจจุบันผู้ซื้อได้ชำระราคาค่าซื้อครบถ้วน และรับหนังสือโอนกรรมสิทธิ์ไปจากเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว
ในการบังคับคดีดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และได้แจ้งให้จำเลยและผู้ถือกรรมสิทธิ์ทราบในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การยึดทรัพย์จนถึงการขายทอดตลาด ซึ่งจำเลยและผู้ถือกรรมสิทธิ์ไม่ได้แย้งการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีแต่อย่างใด เพียงแต่จำเลยและผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมมือความประสงค์ที่จะขอซื้อทรัพย์ดังกล่าวคืนจากผู้ซื้อเท่านั้น ทั้งนี้ ในการแก้ปัญหาดังกล่าวข้างต้น กรมบังคับคดีพร้อมที่จะช่วยเหลือในการนัดหมายผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย