ป.ป.ส.7 มิ.ย.-เลขาฯป.ป.ส.เผยคืบหน้า ปรับนโยบายถอดพืชกระท่อมเตรียมโครงการศึกษาครบวงจร ทั้งการแพทย์และเศรษฐกิจ พร้อมย้ำการปรับแก้กฎหมายปรับพืชกระท่อม ไม่ใช่เพื่อให้มีการใช้หรือเสพอย่างเสรี แต่ต้องมีการกำหนดกฎและเกณฑ์ กำกับดูแลอย่างรัดกุม
นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยความคืบหน้าการปรับนโยบายถอดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด พร้อมเตรียมโครงการศึกษาพืชกระท่อมอย่างครบวงจร ว่า กระท่อมเป็น 1ใน 4 ตัวยาเสพติด ที่ ป.ป.ส ดำเนินการสอดคล้องกับนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดแนวใหม่ ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยปัญหายาเสพติดของโลก ค.ศ.2016 หรือ UNGASS 2016 แยกระหว่างสิ่งที่เป็นประโยชน์และโทษ โดยไทยได้ผลักดันการปรับแก้กฎหมายเพื่อถอดพืชกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติด ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา
เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ ป.ป.ส.ร่วมกับหน่วยภาคี ดำเนินการที่ควบคู่ไปกับการปรับแก้กฎหมายพืชกระท่อม คือจัดทำพื้นที่ทดลองบริหารจัดการพืชกระท่อม โดยที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เมื่อวันที่ 18 พ.ค.63 เห็นชอบในหลักการการกำหนดพื้นที่นำร่อง 135 หมู่บ้าน/ชุมชน 10 จังหวัด เพื่อเตรียมการรองรับการประกาศเป็นพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้เสพและครอบครอง พืชกระท่อม ตามมาตรา 58/2 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งต้องมีหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามร่างกฎกระทรวง โดยคาดว่าจะประกาศใช้ในเดือนสิงหาคม 2563 และล่าสุด ป.ป.ส.ได้รับอนุญาตครอบครองต้นกระท่อมตามมาตรา 26/3 จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าว คู่ขนานรองรับการปรับแก้กฎหมายถอดพืชกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดอีกทาง
นอกจากนี้ ป.ป.ส.ยังเตรียมโครงการศึกษาพืชกระท่อมอย่างครบวงจร โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยที่มีความรู้และเชี่ยวชาญเพื่อศึกษาประโยชน์ของพืชกระท่อมทั้งด้านการแพทย์ ควบคู่กับเศรษฐกิจ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่ต้องการให้มีการศึกษาพืชกระท่อมสู่พืชเศรษฐกิจ บนพื้นฐานชุมชน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ คือเรื่อง การเพาะปลูก การนำพืชกระท่อมมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ตลาดพืชกระท่อมเพื่อการส่งออก และการควบคุมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับ ความต้องการของตลาด เพื่อให้ประชาชน เกษตรกรได้ประโยชน์สูงสุด
อย่างไรก็ตาม ขอย้ำไปยังพี่น้องประชาชนได้เข้าใจในเจตนารมณ์ เพราะแม้พืชกระท่อมจะมีประโยชน์ แต่ก็มีโทษหากนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ การปรับแก้กฎหมายปรับพืชกระท่อมดังกล่าว จึงไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีการใช้หรือเสพพืชกระท่อมอย่างเสรี แต่ต้องมีการกำหนดกฎและเกณฑ์ในการกำกับดูแลอย่างรัดกุมด้วย .-สำนักข่าวไทย