กรุงเทพฯ 2 มิ.ย.กสศ.ผนึกภาคีเครือข่ายอาสาสมัครเปิดโครงการมื้อเที่ยง DISTANCING เจาะเป้าหมายดูแลอาหารกลางวันเด็กกลุ่มเปราะบางยากจน ผ่านการแจกคูปองรับอาหารร้านค้าในชุมชนให้ท้องอิ่มช่วงเดือดร้อนโควิด-19
ที่ชุมชนริมทางรถไฟท่าเรือ เขตคลองเตย กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย เปิดกิจกิจกรรม “มื้อเที่ยง DISTANCING” ภายใต้โครงการ “สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม คนละมือ เพื่อมื้อน้อง” เพื่อลงไปดูแลช่วยเหลือเด็กกลุ่มยากจนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพราะผู้ปกครองขาดรายได้เกือบทั้งหมดและยังเป็นช่วงปิดเทอม โดยดำเนินการสมทบทุนค่าอาหารกลางวันด้วยระบบคูปอง ซื้ออาหารร้านในชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อลดการติดต่อระยะใกล้
โดยมีอาสาสมัครนิสิตนักศึกษาร่วมเก็บข้อมูล ความเป็นอยู่ ปัญหาของนักเรียนและแจกคูปองแลกอาหารกลางวัน มีพื้นที่นำร่อง 2 ชุมชนซึ่งเป็นชุมชนที่มีเด็กกลุ่มนักเรียนยากจนพิเศษจำนวนมากจากฐานข้อมูล isee ของ กสศ. คือ ชุมชนวัดหงส์รัตนาราม เขตบางกอกใหญ่ และชุมชนริมทางรถไฟสายท่าเรือ เขตคลองเตย มีเด็กเข้าร่วมโครงการ 186 คน ชั้นอนุบาลถึงมัธยมต้น
ศ. ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ที่ปรึกษา กสศ. กล่าวว่า จากการลงพื้นที่หลายชุมชน พบว่า สถานการณ์เด็กเปราะบางและเด็กนอกระบบ อยู่ในภาวะเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาสูงมาก พวกเขาซึมซับสถานการณ์รุนแรงโควิด-19 แบบเงียบๆ ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร จากการรับรู้ข่าวสาร หรือได้รับผลกระทบจากพ่อแม่ที่ตกงาน บางวันไม่รู้จะกินอะไร จะเอาเงินที่ไหน จะเปิดเทอมแล้วจะจัดการชีวิตภายในครอบครัวกันอย่างไร เป็นสภาพย่ำแย่ที่สุดในด้านสุขภาพจิตและเด็กเครียดกดดัน จิตใจกระทบกระเทือนมาก นอกจากเราได้มาแจกถุงยังชีพแล้ว เหมือนได้มารับฟัง เยียวยาปัญหาของเขา
“กสศ. ทำงานด้วยการเชื่อมโยงหน่วยงานอื่นๆ พบคนที่ลงไปหากลุ่มเป้าหมายเจอนั้นคือ เอ็นจีโอ ภาคเอกชน สภาเด็ก นักวิชาการ บอกได้ว่าเด็กกลุ่มเสี่ยงอยู่ตรงไหน กลุ่มเด็กเปราะบางซ่อนอยู่ในชุมชน ติดอยู่กับรางรถไฟ เขาแทบไม่มีตัวตนในสังคมปกติ พอ กสศ.ได้เจอกับกลุ่มคนที่ทำงานในพื้นที่ เขาสามารถพาไปหากลุ่มเป้าหมายได้ นอกจากนี้ กสศ.จะเริ่มทำคือโครงการพัฒนารูปแบบเด็กนอกระบบ กับครูนอกระบบ เป็นกลุ่มใหญ่ ซึ่งเล็งเป้าหมายไว้ว่า เด็กนอกระบบจะมีประมาณ 35,000 คน และครู1,000 คน” ศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ กล่าว
ที่ปรึกษากสศ. ระบุว่า ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ กสศ.จะเปิดเป็นโครงการใหญ่ แบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนแรก ลงพื้นที่แล้วช่วยเหลือเลย เป็นโครงการเร่งด่วนแก้ปัญหาโควิด-19 สองคือโครงการระยะยาวจะเปิดโอกาสให้ภาคประชาสังคม และภาคอื่นๆ เขียนโครงการเพื่อพัฒนาเด็กกลุ่มนี้ ซึ่งถ้าเราไม่ทำอะไรเลย จะเป็นปัญหาที่แก้ยาก เพราะว่าเขาต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเอง ในภาวะที่มีความเหลื่อมล้ำแตกต่างกันมากมาย การที่ กสศ. มาทำต้นทาง เพื่อพยายามจะลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำนี้ลง ทำให้เด็กได้รับโอกาสเข้าถึงการศึกษา เราสนับสนุนเรื่องทุน หาอาชีพ-รายได้ให้กับพ่อแม่เขา เชื่อว่าสิ่งนี้ จะสามารถตัดวงจรเรื่องความยากจนจากครอบครัวเขา แล้วเขาสามารถจะอยู่รอด หากทำต่อเนื่องอย่างน้อย 5-6 ปี แล้วเขาได้รับการศึกษาที่ดีขึ้น ความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยที่สูงเกือบจะเป็นอันดับ 1 ของโลกแล้วจะค่อยๆ ดีขึ้น ลดน้อยลงตามลำดับ
นายจักรกฤษณ์ เต็มเปี่ยม ประธานสภาเด็กและเยาวชน เขตคลองเตย กล่าวว่า ชุมชนแห่งนี้มีเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มีเกณฑ์ในการคัดเลือกเด็กเข้าร่วมโครงการ เช่น อยู่กับตายาย พ่อแม่ตกงาน โดยทำการคัดเด็ก 116 คน รับคูปองคนละ 30 บาท ใช้ได้ 30 วัน มีร้านค้าในชุมชนเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 5 ร้าน เลือกร้านเป็นแบบอาหารตามสั่ง เน้นโภชนาการครบ 5 หมู่ เป็นการสร้างรายได้ให้กับร้านค้า เฉลี่ย 700 บาท/วัน ซึ่งถือเป็นโครงการแปลกใหม่ และมีรูปแบบวิธีการใหม่ในการช่วยเหลือเด็ก ที่สำคัญร้านค้าแต่ละร้านจะไม่ใช่แค่การขายอาหารอย่างเดียว แต่จะช่วยแนะนำเมนูอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัยเด็ก
ด้านนายชยุตม์ สกุลคู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แทคท์ โซเชียล คอนซัลติ้ง กล่าวว่า โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กยากจน เปราะบางต้องประสบปัญหาไม่มีข้าวกินในช่วงปิดเทอม จึงเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ “มื้อเที่ยง Distancing” ที่ Tact ร่วมกับ กสศ. ตั้งใจที่จะนำพลังของนิสิตนักศึกษาอาสา มาช่วยกันส่งต่อ “ความอิ่ม” ให้กับน้องๆ ในคอนเซปต์ “Social Distancing” เพื่อความปลอดภัยของทุกคน โดยจะใช้ “โมเดลคูปอง” ติดต่อชักชวนร้านอาหารในพื้นที่ให้เข้าร่วมโครงการ และรับสมัครพี่ Buddy อาสา เข้ามาทำกิจกรรมแจกคูปองและดูแลด้านอาหารกลางวันของน้องตลอดระยะปิดเทอม 1 เดือน ข้อดีคือ พี่อาสาไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่ทุกวันก็สามารถช่วยน้องให้อิ่มท้องได้ ถือเป็นโอกาสดีที่จะเป็นพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้สร้างคุณค่าในตัวเองผ่านการช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนในรูปแบบที่เขาสามารถทำได้ และเป็นแรงบันดาลใจในการทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคมต่อไป.-สำนักข่าวไทย
