รัฐสภา 2 มิ.ย.-วุฒิสภา มีมติเห็นชอบพระราชกำหนด 3 ฉบับ เกี่ยวกับแก้ไขปัญหา เยียวยา ฟื้นฟูผลกระทบเศรษฐกิจ จากสถานการณ์โควิด-19 แล้ว และให้มีผลเป็นพระราชบัญญัติต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภาวันนี้มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาพระราชกำหนดเกี่ยวกับการกู้เงิน 3 ฉบับต่อจากวานนี้ (1มิ.ย.) ส.ว.ส่วนใหญ่ อภิปราย สนับสนุนพระราชกำหนดทั้ง 3 ฉบับ และเสนอแนะให้ดูแลไม่ให้เกิดการรั่วไหล
นายศรีศักดิ์ วัฒนพรมงคล ส.ว. อภิปรายแสดงความห่วงใยต่อการใช้งบประมาณให้มีความโปร่งใส โดยเฉพาะงบ 400,000 ล้านจากเงินกู้ 1 ล้านล้าน ที่รัฐบาลจะนำไปฟื้นฟูเศรษฐกิจตามจังหวัดต่าง ๆ ตามความต้องการของประชาชน แต่ยังขาดรายละเอียด เสมือนการตีเช็คเปล่า จึงหวังให้รัฐบาลใช้งบให้เกิดประโยชน์ ตามความต้องการของประชาชน
พร้อมกันนี้ยังเสนอให้วุฒิสภา ใช้กลไกกรรมาธิการสามัญ เข้าไปตรวจสอบการใช้งบของรัฐบาล พร้อมเสนอให้กระทรวงการคลัง มารายงานการใช้งบเงินกู้ให้สภาได้รับทราบ และเปิดเผยการตรวจสอบโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องตรวจสอบอย่างจริงจัง ไม่ลูบหน้าปะจมูก
นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป ส.ว. อภิปรายสนับสนุนการออกพระราชกำหนดทั้ง 3 ฉบับ เนื่องจากมีความจำเป็นเร่งด่วน โดยมีข้อสังเกตถึงงบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจ 400,000 ล้านบาท นอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะหน้าและการสังคมสงเคราะห์แล้ว ควรมีการลงทุนทางสังคมเพื่อช่วยเหลือประชาชนระยะยาว สามารถขับเคลื่อนประเทศสู่เป้าหมายการปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติได้ และต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมการตัดสินใจและตรวจสอบอย่างแท้จริง ช่วยเปิดทางให้ชาวบ้านทำโครงการตามความสมัครใจ โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิมาดูแลโครงการในฐานะพี่เลี้ยงให้กับประชาชน และต้องทำงานอย่างระมัดระวัง เพราะสังคมคอยตรวจสอบ
นายสมชาย แสวงการ ส.ว. อภิปรายสนับสนุนพระราชกำหนดการกู้เงิน และอยากเห็นการฟื้นฟูประเทศกลับมา แต่สิ่งสำคัญคือการติดตามตรวจสอบโครงการต่าง ๆ ที่ใช้เงิน อย่าทำตามที่ข้าราชการต้องการ แต่ให้ทำตามที่ประชาชนจำเป็น และจะต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการทุจริตรั่วไหลเหมือนถุงไร้น้ำใจที่ลำพูน และการจัดซื้อเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ ราคาเกินจริง ซึ่งเงินทั้งหมดมีต้นทุนสูง และสำคัญต่อความเชื่อมั่นศรัทธาในตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ดังนั้นเราต้องป้องปรามไม่ใช่การติดตามจับกุม วันนี้เรามีป.ป.ง. ป.ป.ช เป็นการติดตาม จึงเสนอให้ภาคประชาสังคม ส่งคนเป็นคณะกรรมการกลางเข้ามาช่วยตรวจสอบในคณะกรรมการกลั่นกรองฯ โดยมีองค์การต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นเข้ามาเป็นกรรมการกลาง ภาควิชาการ ควรมีคนจากทีดีอาร์ไอ มาเป็นกรรมการ ภาคธุรกิจ มีตัวแทน เช่นจากสภาอุตสาหกรรม ภาคสื่อมวลชน ให้สมาคมนักหนังสือพิมพ์ส่งคนมาเป็นกรรมการกลาง
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงยืนยันเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วน ทั้งด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด เยียวยาประชาชน รักษาสภาพคล่องผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ รักษาเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้ และฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 และยืนยันต่อวุฒิสภาว่า จะใช้ความละเอียดรอบครอบในการกลั่นกรองโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง มีการประเมินผลตามมาตรฐานสากล เปิดเผยข้อมูลโปร่งใส ป้องกันการทุจริต เพื่อผลสัมฤทธิ์และความคุ้มค่าการใช้งบประมาณแผ่นดิน
จากนั้นที่ประชุมมีมติเห็นชอบ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ ด้วยมติ 241 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง พ.ร.ก.ปล่อยกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการ มติเห็นชอบ 243 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง และ พ.ร.ก.จัดตั้งกองทุนซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชน มติเห็นชอบ 242 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง .-สำนักข่าวไทย