กรุงเทพฯ, นครราชสีมา 1 มิ.ย.- ตำรวจเร่งขยายผลติดตามคนร้ายคดีเภสัชกรถูกหลอกขอรหัส OTP สูญเงินกว่า 430,000 บาท ด้าน ปอท.ชี้กลุ่มมิจฉาชีพหลอกเอาข้อมูลรหัส OTP โดยเจ้าของไม่ยินยอม มีโทษหนักติดคุกถึง 10 ปี และปรับสูงสุด 200,000 บาท
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ โฆษก ปอท. กล่าวถึงกรณีเภสัชกรคนหนึ่งในนครราชสีมา ถูกกลุ่มมิจฉาชีพโทรศัพท์หลอกให้ส่งรหัส OTP ก่อนถูกนำไปใช้โอนเงินออกจากบัญชีกว่า 430,000 บาท ว่าผู้ก่อเหตุมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ฐานโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
แต่หากกรณีดังกล่าวข้อเท็จจริงเปลี่ยนไปว่ามีการเข้าไปดึงเอารหัส OTP ออกไปใช้โดยเจ้าของรหัสไม่ยินยอม จะเป็นความผิดตามมาตรา 7 ฐานเข้าถึงข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ที่มีการป้องกันโดยมิชอบ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท
สำหรับความคืบหน้าคดีดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจ สภ.คง จ.นครราชสีมา อยู่ระหว่างขยายผลติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งพฤติการณ์ขอคนร้าย คือ ได้โทรศัพท์ไปหาผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นบริษัทค่ายมือถือ และแจ้งว่ามีผู้ใช้หมายเลขโทรศัพท์เดียวกันซ้ำ 2 คน และจะแก้ไขให้ใหม่ให้เป็นหมายเลขที่ผู้เสียหายใช้คนเดียว จากนั้นมิจฉาชีพบอกเลขบัตรประชาชนได้ถูกต้อง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ
ต่อมาชายคนดังกล่าวบอกว่า ค่ายมือถือได้ส่งรหัส OTP ไปในกล่องข้อความ พร้อมให้บอกรหัส OTP เพื่อแก้ไขข้อมูลและได้บอกไป กระทั่งผู้เสียหายเอะใจ จึงเข้าไปตรวจบัญชีธนาคารออมสินผ่านโมบาย แบงกิ้ง แต่ปรากฏว่าเข้าไม่ได้ จึงต้องไปแก้ไขตรวจสอบที่ธนาคาร จากนั้นจึงพบว่าเงินถูกโอนไป 3 รอบในวันเดียว รวมเป็นเงิน 431,300 บาท เหลือติดบัญชีแค่ 70 บาท ขณะที่จากการตรวจสอบพบว่าเงินถูกโอนไปยังธนาคารกสิกรไทยมีชื่อบัญชีเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง.-สำนักข่าวไทย