รัฐสภา 28 พ.ค.-นายกฯ ย้ำเหตุผลต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินแก้โควิด-19 ไม่ต้องเป็นห่วง อสม.-กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านได้เงินสู้โควิดครบ ยืนยัน กู้เงินเพื่อรักษา เยียวยา ฟื้นฟูประเทศ บริหารจัดการตามกม.กำหนด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เรื่องการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่า รัฐบาลต้องการให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะพ.ร.บ.ควบคุมโรคไม่สามารถทำงานได้อย่าง เป็นระบบ แต่พ.ร.ก.ฉุกเฉินทำให้ รัฐบาลมีความคล่องตัวในการสั่งการ และทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อลดลง
“ถ้าไม่ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็จะอลหม่าน แล้วใครจะรับผิดชอบ สุดท้ายก็จะโทษมาที่รัฐบาล ผมยืนยันว่ารัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบ และใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเฉพาะจำเป็นเท่านั้น จึงขอให้เข้าใจว่ามีมาตรการเบาไปหาหนัก ไม่ได้ใช้พร่ำเพรื่อ รัฐบาลคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนจำนวนมาก ไม่ได้ห้ามการเดินทางไปไหนมาไหน ไม่มีใครอยากใช้กฎหมาย แต่คนเราจะปฏิเสธกฎหมายไม่ได้ มีมาตราหนึ่งบอกไว้ว่าคนไทยทุกคนต้องปฏิบัติและเคารพกฏหมาย จะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ รัฐบาลทุกรัฐบาลผ่อนผันกันมา แต่บางเรื่องปล่อยไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหาย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการเรียนออนไลน์ ขออย่ามองสิ่งที่เป็นปัญหา ตนเคยได้ให้นโยบายไว้กับกระทรวงที่เกี่ยวข้องว่าจะทำอย่างไรให้นักเรียนมีการเรียนต่อเนื่อง และเห็นว่าพ่อแม่ผู้ปกครองและปู่ย่าตายายสามารถดูโทรทัศน์ไปพร้อมกับเด็ก ๆ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นผู้สนับสนุนอุปกรณ์และค่าใช้จ่าย
“ผมรับฟังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยชี้แจงที่ประชุมซึ่งมีหลักการและเหตุผล ยกเว้นจะฟังแต่ปัญหาและความเดือดร้อน แต่ไม่ยอมฟังเหตุผลที่รัฐบาลชี้แจง จึงขอให้ทุกคนฟังในสิ่งที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงในที่ประชุมสภาด้วย ถ้าทุกคนช่วยรัฐบาล โดยไม่ถือว่าตัวเองเป็นฝ่ายใด ประเทศไทยจะเดินหน้าไปได้ไกลกว่านี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีสมาชิกอภิปรายขอให้เพิ่มค่าตอบแทนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) กำนันและผู้ใหญ่บ้านในการต่อสู้กับโควิด-19 ว่า ได้จ่ายค่าตอบแทนไปทั้งหมดแล้ว ต้องไปทำความเข้าใจกับการใช้งบประมาณ เพราะมีทั้งงบประมาณฉุกเฉินและงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งไม่ทราบว่าสถานการณ์จะยืดยาวไปเพียงใด ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทิ้งบุคลากรที่ปฏิบัติงานในช่วงสถานการณ์โควิด-19 อย่างแน่นอน แต่ขอให้ไปดูว่ามีใครทุจริตหรือไม่ ขณะนี้คงไม่มี ขอให้สบายใจว่า รัฐบาลดูแลอยู่
ส่วนที่มีข้อห่วงใยจากสมาชิกว่าการกู้เงินจะเป็นการเพิ่มหนี้ให้กับประเทศ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ประเทศไทยมีหนี้สาธารณาอยู่แล้ว แต่การเป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีก 51 % เพื่อการรักษา เยียวยาและฟื้นฟู ซึ่งจำแนกไว้แล้วว่าจะใช้เงินไปทำอะไรบ้าง และการบริหารจัดการเงินจะเป็นไปตามกฏหมายทุกประการ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการจ่ายเงินเยียวยา 5 พันบาทเป็นเวลา 3 เดือนว่า ให้ไปเพื่อดำรงชีวิตในช่วงโควิ ด-19 ไม่ได้ให้ไปผ่อนรถจักยานยนต์.-สำนักข่าวไทย