สงขลา 27 พ.ค.- ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาคดีฆ่าเผา 2 ศพ ริมบ่อขยะเทศบาลนครหาดใหญ่ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ขณะที่ผู้ต้องหายอมรับว่า ยังไม่หายแค้น เพราะเชื่อว่าอาจมีกลุ่มคนข่มขืนภรรยาอีก
ความคืบหน้าคดีที่นายวิรัตน์ (สงวนนามสกุล) หรือ “แวว” ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าเผา 2 ศพ ก่อนมัดร่างติดกันนำไปริมบ่อขยะเทศบาลนครหาดใหญ่ พื้นที่หมู่ 3 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยแรงจูงใจของผู้ต้องหามาจากความคับแค้นใจที่กลุ่มผู้ตายข่มขืนภรรยาจนเสียสติ
ล่าสุด วันนี้ (27 พ.ค.) ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างละเอียดรวมทั้งหมด 4 จุด แต่มีการปิดเป็นความลับสูงสุด เพื่อป้องกันเหตุความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทำแผนฯ โดยเฉพาะญาติของผู้เสียชีวิตที่อาจโกรธแค้นดักรอรุมประชาทัณฑ์
สำหรับจุดแรก คือ บริเวณบ้านพักของผู้ต้องหาที่ใช้ปืนยิงนายอนุชา สุภานิตย์ อายุ 27 ปี และนายประเสริฐ ธรรมรักษา อายุ 20 ปี จนเสียชีวิต โดยมีการยิงหลังจากที่สอบถามทั้ง 2 คน ว่าได้ข่มขืนภรรยาตนหรือไม่ และทั้้ง 2 คนยอมรับ จึงกระหน่ำยิงทั้งคู่ จากนั้นอุ้มร่างใส่รถกระบะ และนำโทรศัพท์มือถือไปเผาทำลาย ก่อนนำศพทั้ง 2 คน ไปเผาทิ้งข้างบ่อขยะใน ต.ควนลัง ห่างจากบ้านพัก 5 กิโลเมตร
ขณะที่จุดที่ 3 และ 4 เป็นจุดที่ขับรถผ่านบนถนนอนุสรณ์ 200 ปี ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพรถที่กำลังแล่นผ่านเอาไว้ได้ รวมถึงจุดที่ถอดฝาครอบกระบะที่เปื้อนเลือด รวมถึงกันชนหน้าไปจุดไฟเผากลางทุ่งนา ห่างจากจุดพบศพ 10 กิโลเมตร
สำหรับการทำแผนฯ ผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง โดยไม่มีเหตุวุ่นวายเกิดขึ้น เพราะชาวบ้านในพื้นที่ไม่ทราบว่าจะมีการทำแผนฯ
ภายหลังหลังทำแผนฯ เสร็จ ผู้สื่อข่าวสอบถามความรู้สึกของนายวิรัตน์ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ยังรู้สึกแค้นผู้ตายและเพื่อนที่ข่มขืนภรรยา” และยังบอกไม่ได้ว่า “หากยังไม่ถูกจับกุมจะมีใครเสียชีวิตเพิ่มเติมอีกหรือไม่” ทั้งนี้ ภายหลังจากทำแผนฯ เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายวิรัตน์ ไปคุมขังที่ สภ.หาดใหญ่ ทันที เพื่อเตรียมนำตัวส่งศาลจังหวัดสงขลาฝากขังต่อไป
ด้านน้องสาวนายวิรัตน์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทยว่า เสียใจกับการกระทำพี่ชาย แต่อย่างน้อยก็ทราบสาเหตุความโกรธแค้น เพราะปกติพี่ชายถ้าไม่โกรธรุนแรงจริงๆ จะไม่กระทำ พร้อมบอกว่า ก่อนเกิดเหตุ 2 วัน พบว่าพี่ชายทะเลาะกับภรรยา ทำให้ภรรยาออกจากบ้านไปตอนดึก แต่ไม่รู้ว่าออกไปไหน กระทั่งทราบตอนหลังว่าไปนอนที่รีสอร์ต แต่พอกลับมาที่บ้านก็มีอาการผิดปกติทันที สติฟั่นเฟือน พูดจาไม่รู้เรื่อง จนกระทั่งทราบสาเหตุทั้งหมด
สำหรับการสอบสวนทางคดี ล่าสุดมีการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดกว่า 100 ชิ้นไปตรวจสอบ ส่วนประเด็นที่ผู้ต้องหาให้การว่า สาเหตุที่ต้องฆ่าแล้วเผา เพราะแค้นที่ถูกกลุ่มผู้ตายรุมข่มขืนภรรยาจนเสียสตินั้น เป็นเพียงคำให้การของผู้ต้องหา แต่ไม่ใช่สาระสำคัญทางคดี เพราะจากการสอบสวนภรรยาของนายวิรัตน์ มีชื่อเล่นว่า “น.ส.โอ๋” เป็นเจ้าของร้านคาราโอเกะ และเพิ่งคบหากันได้ประมาณ 5 เดือน ซึ่งมีพฤติกรรมในทางชู้สาวกับเพื่อนกลุ่มเดียวกับของนายวิรัตน์
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ส่ง “น.ส.โอ๋” ไปที่โรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์ เพื่อรักษาอาการทางจิต แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าถูกข่มขืนจริงหรือไม่.-สำนักข่าวไทย