กรุงเทพฯ 26 พ.ค.-ส.ส.พรรคก้าวไกล เตรียมยื่นหนังสือประธานสภาฯ พรุ่งนี้ (27 พ.ค.) เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ “ร.อ.ธรรมนัส” ให้พ้นจากการเป็น ส.ส. เนื่องจากมีลักษณะต้องห้าม
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (27 พ.ค.) เวลา 13.00 น. ส.ส.พรรคก้าวไกลจะยื่นหนังสื่อต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ประธานสภาฯ ส่งหนังสือไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ้นจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากอาจมีลักษณะต้องห้าม มีคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและเคยจำคุกในประเทศออสเตรเลีย และสืบเนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนปิดประชุมสภาในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่าน ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ (27 พ.ค.) เปิดสมัยประชุม พรรคก้าวไกลจึงขอดำเนินการตามกลไกสภาฯ เพื่อถอดถอนบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม พ้นจากสมาชิกภาพผู้แทนราษฎร
นายณัฐชา กล่าวด้วยว่า โดยการกระทำของ ร.อ.ธรรมนัส เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดตามกฎหมายว่าด้วยด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นําเข้า ส่งออก หรือผู้ค้านั้น เป็นลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 98 (10) จึงส่งผลให้เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามในการดํารงตําแหน่งรัฐมนตรี ตามมาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (6) แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ส่งผลให้ความเป็น รัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เมื่อขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 โดยมาตรา 160 (6) บัญญัติว่า รัฐมนตรีต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98
นายณัฐชา กล่าวอีกว่า ในส่วนประเด็นที่ ร.อ.ธรรมนัส ได้ชี้แจงเป็นหนังสือขอชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษรต่อประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ว่า การถูกออกจากราชการของตนได้รับการล้างมลทินแล้วตามพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระชนมพรรษา 80 พรรษา 2550 คุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีของตนจึงไม่ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญนั้น ย่อมไม่เป็นเหตุให้การที่เคยต้องคําพิพากษาด้วยฐานความผิดดังกล่าวถูกลบล้างไป ข้ออ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น ทั้งนี้ตนเเละ ส.ส.พรรคก้าวไกล ขอให้ประธานสภาฯ ได้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยการสิ้นสุดสมาชิกสภาพของ ร.อ.ธรรมนัส เเละขอให้เพื่อน ส.ส.ร่วมลงรายชื่อเพื่อกู้ภาพลักษณ์ ศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฎร สร้างความเชื่อถือของรัฐสภา เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาชน.-สำนักข่าวไทย