กรุงเทพฯ 26 พ.ค.- เพื่อไทย กังวล พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้าน เปิดช่องทุจริต เพราะตรวจสอบไม่ได้ ขณะเดียวกัน หวั่น แบงก์ชาติไม่เป็นกลาง กรณีให้ออกตราสารหนี้ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ภาคเอกชน อาจกระทบความมั่นคงการเงินการคลัง
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่า การพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงินของรัฐบาล รวมทั้ง กรณีที่รัฐบาลให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยออกตราสารหนี้ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ภาคเอกชน มีความจำเป็นแค่ไหน เพราะในความเป็นจริงธนาคารพาณิชย์ก็มีเพียงพออยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องเข้ามาบริหารจัดการ แต่เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาเป็นผู้เล่น จะส่งผลให้ขาดความเป็นกลาง และเกรงจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบการเงินการคลังของประเทศในระยะยาว
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ส่วน พ.ร.ก.กู้เงิน จำนวน 1 ล้านล้านบาท ที่เม็ดเงินส่วนหนึ่งนำมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน มีความจำเป็นเพียงไรที่จะต้องกู้เงินมาลงทุน เพราะหลายโครงการไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนถึงต้องกู้เงิน รัฐบาลสามารถเสนอโครงการมารอในงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ ไม่จำเป็นต้องมากู้นอกงบประมาณ การดำเนินการของรัฐส่อเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบหรือไม่ ในการพิจารณาเงินกู้ของรัฐ สมาชิกสภามีอำนาจแค่อนุมัติหรือไม่เท่านั้น ไม่สามารถตรวจสอบได้ เหมือนงบประมาณรายจ่ายประจำปี
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า รัฐบาลออก พ.ร.ก.กู้เงิน ครั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบใช่หรือไม่ และเกรงว่าจะมีการเปิดช่องโหว่ให้มีการทุจริตในโครงการที่เสนอขอใช้งบประมาณจากการกู้เงินของรัฐ เพราะใน พ.ร.ก.กู้เงิน ครั้งนี้ เขียนไว้เพียงแค่การกู้เงินมาเพื่อประโยชน์ใดเท่านั้น แต่ไม่มีการลงรายละเอียดโครงการ และในหลายโครงการก็ซ้ำซ้อน กับการใช้งบประมาณประจำปี
“กรณีการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน ในสัปดาห์นี้ อยากให้รัฐบาลเปิดใจรับฟัง การอภิปรายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน แม้ว่ากรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะเบาบางลง แต่ระบบเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากมาตรการรัฐ กลับทวีความรุนแรงขึ้น อยากให้ตั้งใจฟังเนื้อหาสาระที่ฝ่ายค้านจะนำเสนอ เพราะฝ่ายค้านก็มีความหวังดีต่อประเทศไม่แพ้ฝ่ายรัฐบาลเช่นกัน” นายจุลพันธ์ กล่าว .- สำนักข่าวไทย