สุราษฎร์ธานี 24 พ.ค. – ตั้ง 3 ข้อหา 3 นายตำรวจ เรียกรับเงิน 5 ล้านบาท จากพ่อค้ารับซื้อลูกหอยแครง เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี ด้านตำรวจสุราษฎร์ธานีเร่งส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ชี้มูล
จากกรณีชาวบ้านชุมชนบ้านสำโรง หมู่ 4 ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 200 คน ฮือล้อมรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ของชาย 3 คน อ้างเป็นตำรวจ หลังมาจับกุมนายอนุชา บินมูซา อายุ 46 ปี พ่อค้ารับซื้อลูกหอยแครงจากชาวประมงพื้นบ้าน และเรียกรับเงิน 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่ตำรวจทั้ง 3 นาย จะถูกย้ายไปที่ ศปก.ภ.8 และถูกตั้งกรรมสอบสวน
ความคืบหน้าเรื่องการสอบสวน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ว่าจากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้น เห็นว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นาย มีความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตาม ป.อาญา ม.148, เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ตาม ป.อาญา ม.149 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา ม.157”
สำหรับการดำเนินการทางวินัย ในส่วนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก็มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งได้ทำงานควบคู่กับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน คาดว่าจะสามารถรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ภายในสัปดาห์หน้า หากพบว่ามีมูลจะมีคำสั่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และหากมีความผิดชัดแจ้งจะดำเนินการพิจารณาลงโทษทางวินัย หรือมีคำสั่งให้ออกจากราชการ
ส่วนเมื่อวานนี้ นายอนุชาหรือบังหมัด ผู้เสียหาย เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี นาน 4 ชั่วโมง โดยมี พ.ต.อ.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ รองผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นหัวหน้าทีมพนักงานสอบสวน ก่อนจะพานายอนุชา หรือบังหมัด ไปนำชี้จุดถูกจับหอยแครง ก่อนถูกปืนจี้บังคับรีดเงิน 5 ล้านบาท เพื่อประกอบสำนวนคดีนานประมาณ 15 นาที
ขณะที่ พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า พนักงานสอบสวนยังได้สอบปากคำพยานอีก 4 ปาก โดยมีนายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีตนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ที่ชาวประมงให้ความนับถือ เป็นผู้เคลียร์เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ รวมอยู่ด้วย ที่เหลือเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ต.ท่าทองใหม่ และชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ โดยจะเร่งสอบปากคำผู้เสียหายและพยานให้เร็วที่สุด จากนั้นส่งสำนวนการสอบปากคำให้ ป.ป.ช. ชี้มูล เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการตำรวจ ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาอาจจะอยู่ที่ ป.ป.ช. อาจจะสั่งฟ้องศาลเอง หรือส่งกลับมาให้ตำรวจแจ้งคดีอาญา สามารถทำได้ทั้ง 2 ทาง แต่คิดว่า ป.ป.ช. น่าจะดำเนินการเอง เพื่อไม่เป็นที่ครหาต่อสังคม ส่วนรถที่ 3 ตำรวจใช้ ตรวจสอบแล้วไม่ใช่ของกำนันในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นญาติของตำรวจ.-สำนักข่าวไทย