กรุงเทพฯ23 พ.ค..- แพทย์เตือนโควิด-19 ลุกลาม ทำการเจริญเติบโตของเด็กชะงักงัน โดยเฉพาะเด็กยากจนด้อยโอกาส เพราะบางคนมีแต่ข้าวกิน ขาดเนื้อสัตว์ ไข่ สอดรับกับนักโภชนาการชี้หากเด็กกินไม่พอ ทำสมองฝ่อ ร่างกายแคระแกร็น กระทบการเรียน
รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงลัดดา เหมาะสุวรรณ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า จากการเลื่อนเปิดเทอมนานขึ้นส่งผลให้เด็กยากจนด้อยโอกาสได้รับผลกระทบด้านโภชนาการ เพราะอาหารที่โรงเรียนคือ มื้ออาหารที่ดีที่สุดของเขา มีคุณค่าโภชนาการครบถ้วน เด็กบางคนก็ฝากท้องมื้อเช้า บางคนก็ฝากท้องมื้อเย็นด้วย ครอบครัวขาดแคลนจริงๆ พอไม่ได้ไปโรงเรียนนาน ก็จะไม่ได้สารอาหารที่ครบถ้วน วันแรกของการเปิดเทอม จะพบเด็กน้ำหนักน้อย ส่วนสูงไม่ดี พอปลายเทอมน้ำหนักดีขึ้น เพราะเมื่อมาโรงเรียนก็จะได้มื้ออาหารที่มีคุณค่าสารอาหารครบถ้วน
รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงลัดดา กล่าวต่อว่า โดยทั่วไปเด็กวัยเรียนแบบนี้จะโตประมาณ 2-3 กิโลกรัม สูงขึ้น 4-5 เซนติเมตรต่อปี พอได้อาหารไม่พอ หรือคุณค่าไม่ครบถ้วน การเติบโตจะชะงักงันไป ช่วงนี้เด็กบางคนกินได้แต่ข้าว ไม่ได้พวกเนื้อสัตว์ ไข่ ก็จะทำให้เสี่ยง มีภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็กมากขึ้น กระทบกับการทำงานของสมองและการเรียนรู้ต่อไป
“ถ้าเด็กที่ไม่ได้มีปัญหาขาดแคลนสารอาหารมาก ในร่างกายเขายังมีทุนสำรอง เขาก็จะฟื้นกลับมาได้เร็ว แต่ถ้าเป็นกลุ่มที่ขาดสารอาหารไปเยอะ ก็ยิ่งต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู กลับเป็นปกติ แต่โรค COVID-19 นี้น่าจะอยู่กับเราไปอีกเป็นปี เรื่องนี้จึงไม่สามารถปล่อยทิ้งนานได้ ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของใคร หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่ทุกคนต้องช่วยกัน ในระยะยาว เด็กๆ จะพึ่งถุงยังชีพอย่างเดียวอาจไม่พอ สิ่งที่ห่วงที่สุดคือกลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงข้อมูลดิจิทัล ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันสื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจอย่างทั่วถึง เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่นั้นๆ ต่อไป” รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงลัดดา กล่าว
อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ที่ปรึกษาโครงการ “สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม คนละมือ เพื่อมื้อน้อง” กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุด เด็กนักเรียนยากจนพิเศษกว่า 753,997 คน กำลังขาดแคลนอาหารจากการปิดเทอมที่ยาวนานเท่าที่เคยมีมา โดยเลื่อนไปถึง 46 วัน ซึ่งเด็กวัยเรียนเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต ทั้งทางด้านร่างกาย สติปัญญา สมอง ดังนั้น เราต้องให้อาหารเด็กได้รับสารอาหารที่ครบ 5 หมู่ หากขาดตัวใดตัวหนึ่ง ก็อาจมีอาการสมองฝ่อ ร่างกายเตี้ย ผอมแคระแกร็น มีผลการเรียนและการพัฒนาสติปัญญา ด้อยกว่าเด็กปกติ กสศ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงร่วมมือบรรเทาความเดือดร้อนของเด็กยากจนพิเศษ ด้วยการโอนเงินให้โรงเรียนซื้อข้าวสาร อาหารแห้งที่เป็นประโยชน์เป็นถุงยังชีพแจกเด็ก และภายในถุงยังชีพมูลค่า 600 บาท สำหรับเป็นค่าอาหารเบื้องต้น 30 วัน มีทั้งข้าวสาร 20 กก. ไข่ไก่ 36 ฟอง ปลากระป๋อง 10 กระป๋อง นม น้ำมันพืช ที่อย่างน้อยจะช่วยลดความหิวโหย ลดการขาดสารอาหารในช่วงนี้ กสศ. ยังได้ริเริ่มโครงการรณรงค์ “สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม คนละมือ เพื่อมื้อน้อง” พร้อมเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมสมทบเติมเต็มมื้ออาหารอีก 15 วันที่ยังขาดแคลนให้กับเด็กๆกลุ่มนี้ เพื่อก้าวผ่านวิกฤตและมีโอกาสกลับมาเรียนอีกครั้งเมื่อเปิดเทอมใหม่มาถึง ทุกคนสามารถร่วมบริจาคช่วยเหลือน้องๆ ไปกับโครงการนี้ผ่านบัญชี ธนาคารกรุงไทย เลขที่ 172-0-30021-6 ชื่อบัญชี “กสศ.-มาตรา 6(6) – เงินบริจาค” สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 เท่า www.eef.or.th/donate-covid/ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-079-5475.-สำนักข่าวไทย