ผลวิจัยพบ คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับมาตรการป้องกันโรค

กรุงเทพฯ23 พ.ค..-  สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ จับมือ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลการศึกษาเรื่อง วิถีชีวิตใหม่ กับ ระยะห่างทางสังคม พบว่าคนส่วนใหญ่ ร้อยละ 99.5 เห็นด้วยต่อมาตรการการป้องกันโรค


ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ รองศาสตราจารย์ ดร.ชะนวนทอง ธนสุกาญจน์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลการศึกษา เรื่อง วิถีชีวิตใหม่ กับ ระยะห่างทางสังคม กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,320 ตัวอย่าง ครอบคลุมพื้นที่ 17 จังหวัดจากทั่วทุกภูมิภาค ระหว่างวันที่ 10 – 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา 


เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อมาตรการของรัฐบาลในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด – 19 พบว่าร้อยละ 99.5 เห็นด้วยต่อมาตรการการป้องกันโรค อาทิ การใส่หน้ากาก การล้างมือ เป็นต้น ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เท่ากันกับมาตรการการเว้นระยะห่าง อาทิ การทำเครื่องหมายที่พื้น การทำงานที่บ้าน เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 98.6 เห็นด้วยต่อมาตรการการให้ข้อมูล อาทิ การแถลงข่าวรายวัน เป็นต้น ร้อยละ 96.1 เห็นด้วยต่อมาตรการการลงโทษ ร้อยละ 95.2 เห็นด้วยต่อมาตรการเยียวยา และร้อยละ 93.2 เห็นด้วยต่อการเสนอมาตรการผ่อนปรน ตามลำดับ 

เมื่อถามถึงการออกนอกบ้านพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 36.2 ออกนอกบ้านไม่เกิน 1 ครั้งต่อวัน ในขณะที่ร้อยละ 17.4 ยังคงออกนอกบ้านตามปกติ ที่น่าสนใจคือการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 44.5 มีการลดการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ รองลงมาคือร้อยละ 32.9 ไม่ได้ลดการใช้ขนส่งสาธารณะเลย 


นอกจากนี้ เมื่อถามถึงการปฏิบัติตนเมื่ออยู่นอกบ้าน พบว่า ส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 60 มีการล้างมือด้วยน้ำหรือสบู่ ในขณะที่การเช็ดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์มากกว่า 5 ครั้งเป็นประจำทุกวัน อยู่ในระดับที่ไม่ถึงร้อยละ 50 การแยกรับประทานอาหารและการปรับที่นั่งให้ห่างจากผู้อื่น ยังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 51.3 มีการแยกทานอาหารเดี่ยวเป็นประจำ แต่มีถึงร้อยละ 15 ที่ไม่ได้ทำเลย และ มีเพียงร้อยละ 42.9 ที่ปรับที่นั่งห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร 

ในประเด็นของการดูแลผู้สูงอายุในบ้าน ผลการศึกษายังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ โดยพบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 38 ไม่มีการวัดไข้หรือสังเกตอาการผู้สูงอายุเลย และมีถึงร้อยละ 37.8 ที่ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ใกล้กับผู้สูงอายุ ในประเด็นของการทำงาน พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 38.6 ไม่ได้ Work From Home และร้อยละ 45.9 ยังไม่มีมาตรการเหลื่อมเวลาทำงาน อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.7 ได้ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างระดับมาก ร้อยละ 29.2 ได้ปฏิบัติระดับปานกลาง และร้อยละ 1.1 ได้ปฏิบัติน้อย 

ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้รับมอบหมายจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้เป็นหน่วยปฏิบัติการหลักของกระทรวง รวมทั้งเป็นศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนาภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์

โควิด-19 ของรัฐบาลในการทำหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสนับสนุนให้มีการศึกษาติดตามการปฏิบัติตนของประชาชนตามมาตรการเว้นระยะห่างการใช้ชีวิตในสังคม (Social Distancing) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดนโยบาย และสนับสนุนมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล 

“เมื่อพิจารณาจากผลการศึกษาพบว่ายังมีหลายประเด็นที่ต้องเร่งสื่อสารและทำความเข้าใจกับประชาชนให้เกิดความตระหนักรู้ และสามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง ในการป้องกันตนเองและบุคคลรอบข้าง เพื่อร่วมกันยุติการแพร่ระบาดของโรคผลการศึกษานี้จะช่วยสามารถสะท้อนในเชิงนโยบายได้ทั้งในแง่ของการสร้างการรับรู้ การเผยแพร่ข้อมูลความเข้าใจให้กับประชาชน รวมทั้งการขอความร่วมมือจากกิจการและผู้ประกอบการในการจัดหาและการกำหนดมาตรการของหน่วยงานเพื่อร่วมกันสร้างสมดุลชีวิตวิถีใหม่ หรือ Balance in the New Normal ให้มีขึ้นในสังคมไทย” ศ.ดร.นายแพทย์ สิริฤกษ์ กล่าว

ในขณะที่ รองศาสตราจารย์ ดร.ชะนวนทอง ธนสุกาญจน์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ประชาชนเห็นด้วยกับมาตรการของรัฐบาลและให้ความร่วมมือในการปฏิบัติค่อนข้างดี แต่เมื่อพิจารณาการปฏิบัติในครอบครัวที่มีผู้สูงอายุและเด็กยังมีการปฏิบัติที่มีความเสี่ยงอยู่ถึงร้อยละ 40-50 เรื่องการจัดพื้นที่การใช้ห้องน้ำ ดังนั้นจึงควรมีการให้ข้อมูลและเยี่ยมบ้าน เพื่อสนับสนุนความเป็นไปได้ในการลดโอกาสเสี่ยงให้กับผู้สูงอายุและเด็กเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ประเด็นการป้องกัน เริ่มมีการปฏิบัติน้อยลง เรื่องการใช้ห้องน้ำ การล้างมือ จึงควรเน้นย้ำให้มากขึ้นต่อไป

ส่วนประเด็นการเว้นระยะห่างเมื่อไปทำงาน หรือในสถานที่ทำงาน พบว่า ประชาชนมีการออกนอกบ้าน เพื่อใช้เวลานอกบ้าน เพื่อประกอบอาชีพ เพื่อซื้ออาหารและสิ่งจำเป็น ประมาณ 50 % ต่อสัปดาห์ ส่วนการปฏิบัติตนเรื่องการทำงานจากบ้าน การเหลื่อมเวลา มีการปฏิบัติระหว่าง 40-50 % ซึ่งปัจจุบันเมื่อมีการผ่อนปรน ระยะที่ 2 จึงควรรีบสร้างการตระหนัก ในการปฏิบัติตัวเว้นระยะห่างทางกายภาพในที่ทำงานให้มากขึ้นสร้างความชัดเจนเรื่องการเหลื่อมเวลา และการจัดพื้นที่ให้ชัดเจนขึ้น.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมตัวเมืองน่าน-เขตเศรษฐกิจขยายวงกว้าง

น่าน 23 ก.ค. – ตอนนี้น้ำท่วมตัวเมืองน่าน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ยังเพิ่มสูงขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลังระดับน้ำท่วมสูงเกิน 9 เมตร และทะลักเข้าท่วม .-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

ตอบโต้เขมร! ปิด 4 ด่าน หลังทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดอีก 1 ราย

23 ก.ค.- ศบ.ทก. เห็นชอบให้ทัพภาค 2 ปิดด่านชายแดน-สถานที่ท่องเที่ยว 4 จังหวัดอีสานใต้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ (24 ก.ค.) หลังล่าสุดทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดอีกราย จากกระแสข่าวมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดบริเวณแนวชายแดนไทยกัมพูชาเมื่อเวลา 16.55 น. นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวจากศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงโดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ปรึกษามาที่ ศบ.ทก. เพื่อขออนุญาตปิดด่านในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีษะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการประท้วงกัมพูชา จากการลักลอบวางทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่ง ศบ.ทก. เห็นชอบ ขณะเดียวกันจะส่งหนังสือประท้วงโดยใช้กลไก RBC และรายงานกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประท้วงต่อไป ดังนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) จะปิดด่านชายแดนทั้งหมดในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทย หลังจากที่ฝั่งไทยมีการกำหนดเวลาเปิด-ปิด และในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง 3 ปราสาท คือ ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย […]

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย