ผลวิจัยพบ คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับมาตรการป้องกันโรค

กรุงเทพฯ23 พ.ค..-  สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ จับมือ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลการศึกษาเรื่อง วิถีชีวิตใหม่ กับ ระยะห่างทางสังคม พบว่าคนส่วนใหญ่ ร้อยละ 99.5 เห็นด้วยต่อมาตรการการป้องกันโรค


ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ รองศาสตราจารย์ ดร.ชะนวนทอง ธนสุกาญจน์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลการศึกษา เรื่อง วิถีชีวิตใหม่ กับ ระยะห่างทางสังคม กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,320 ตัวอย่าง ครอบคลุมพื้นที่ 17 จังหวัดจากทั่วทุกภูมิภาค ระหว่างวันที่ 10 – 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา 


เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อมาตรการของรัฐบาลในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด – 19 พบว่าร้อยละ 99.5 เห็นด้วยต่อมาตรการการป้องกันโรค อาทิ การใส่หน้ากาก การล้างมือ เป็นต้น ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เท่ากันกับมาตรการการเว้นระยะห่าง อาทิ การทำเครื่องหมายที่พื้น การทำงานที่บ้าน เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 98.6 เห็นด้วยต่อมาตรการการให้ข้อมูล อาทิ การแถลงข่าวรายวัน เป็นต้น ร้อยละ 96.1 เห็นด้วยต่อมาตรการการลงโทษ ร้อยละ 95.2 เห็นด้วยต่อมาตรการเยียวยา และร้อยละ 93.2 เห็นด้วยต่อการเสนอมาตรการผ่อนปรน ตามลำดับ 

เมื่อถามถึงการออกนอกบ้านพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 36.2 ออกนอกบ้านไม่เกิน 1 ครั้งต่อวัน ในขณะที่ร้อยละ 17.4 ยังคงออกนอกบ้านตามปกติ ที่น่าสนใจคือการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 44.5 มีการลดการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ รองลงมาคือร้อยละ 32.9 ไม่ได้ลดการใช้ขนส่งสาธารณะเลย 


นอกจากนี้ เมื่อถามถึงการปฏิบัติตนเมื่ออยู่นอกบ้าน พบว่า ส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 60 มีการล้างมือด้วยน้ำหรือสบู่ ในขณะที่การเช็ดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์มากกว่า 5 ครั้งเป็นประจำทุกวัน อยู่ในระดับที่ไม่ถึงร้อยละ 50 การแยกรับประทานอาหารและการปรับที่นั่งให้ห่างจากผู้อื่น ยังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 51.3 มีการแยกทานอาหารเดี่ยวเป็นประจำ แต่มีถึงร้อยละ 15 ที่ไม่ได้ทำเลย และ มีเพียงร้อยละ 42.9 ที่ปรับที่นั่งห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร 

ในประเด็นของการดูแลผู้สูงอายุในบ้าน ผลการศึกษายังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ โดยพบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 38 ไม่มีการวัดไข้หรือสังเกตอาการผู้สูงอายุเลย และมีถึงร้อยละ 37.8 ที่ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ใกล้กับผู้สูงอายุ ในประเด็นของการทำงาน พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 38.6 ไม่ได้ Work From Home และร้อยละ 45.9 ยังไม่มีมาตรการเหลื่อมเวลาทำงาน อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.7 ได้ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างระดับมาก ร้อยละ 29.2 ได้ปฏิบัติระดับปานกลาง และร้อยละ 1.1 ได้ปฏิบัติน้อย 

ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้รับมอบหมายจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้เป็นหน่วยปฏิบัติการหลักของกระทรวง รวมทั้งเป็นศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนาภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์

โควิด-19 ของรัฐบาลในการทำหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสนับสนุนให้มีการศึกษาติดตามการปฏิบัติตนของประชาชนตามมาตรการเว้นระยะห่างการใช้ชีวิตในสังคม (Social Distancing) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดนโยบาย และสนับสนุนมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล 

“เมื่อพิจารณาจากผลการศึกษาพบว่ายังมีหลายประเด็นที่ต้องเร่งสื่อสารและทำความเข้าใจกับประชาชนให้เกิดความตระหนักรู้ และสามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง ในการป้องกันตนเองและบุคคลรอบข้าง เพื่อร่วมกันยุติการแพร่ระบาดของโรคผลการศึกษานี้จะช่วยสามารถสะท้อนในเชิงนโยบายได้ทั้งในแง่ของการสร้างการรับรู้ การเผยแพร่ข้อมูลความเข้าใจให้กับประชาชน รวมทั้งการขอความร่วมมือจากกิจการและผู้ประกอบการในการจัดหาและการกำหนดมาตรการของหน่วยงานเพื่อร่วมกันสร้างสมดุลชีวิตวิถีใหม่ หรือ Balance in the New Normal ให้มีขึ้นในสังคมไทย” ศ.ดร.นายแพทย์ สิริฤกษ์ กล่าว

ในขณะที่ รองศาสตราจารย์ ดร.ชะนวนทอง ธนสุกาญจน์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ประชาชนเห็นด้วยกับมาตรการของรัฐบาลและให้ความร่วมมือในการปฏิบัติค่อนข้างดี แต่เมื่อพิจารณาการปฏิบัติในครอบครัวที่มีผู้สูงอายุและเด็กยังมีการปฏิบัติที่มีความเสี่ยงอยู่ถึงร้อยละ 40-50 เรื่องการจัดพื้นที่การใช้ห้องน้ำ ดังนั้นจึงควรมีการให้ข้อมูลและเยี่ยมบ้าน เพื่อสนับสนุนความเป็นไปได้ในการลดโอกาสเสี่ยงให้กับผู้สูงอายุและเด็กเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ประเด็นการป้องกัน เริ่มมีการปฏิบัติน้อยลง เรื่องการใช้ห้องน้ำ การล้างมือ จึงควรเน้นย้ำให้มากขึ้นต่อไป

ส่วนประเด็นการเว้นระยะห่างเมื่อไปทำงาน หรือในสถานที่ทำงาน พบว่า ประชาชนมีการออกนอกบ้าน เพื่อใช้เวลานอกบ้าน เพื่อประกอบอาชีพ เพื่อซื้ออาหารและสิ่งจำเป็น ประมาณ 50 % ต่อสัปดาห์ ส่วนการปฏิบัติตนเรื่องการทำงานจากบ้าน การเหลื่อมเวลา มีการปฏิบัติระหว่าง 40-50 % ซึ่งปัจจุบันเมื่อมีการผ่อนปรน ระยะที่ 2 จึงควรรีบสร้างการตระหนัก ในการปฏิบัติตัวเว้นระยะห่างทางกายภาพในที่ทำงานให้มากขึ้นสร้างความชัดเจนเรื่องการเหลื่อมเวลา และการจัดพื้นที่ให้ชัดเจนขึ้น.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เร่งซ่อมพนังกั้นน้ำยังขาดให้เสร็จภายในคืนนี้

ร้อยเอ็ด 10 ก.ย. – เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมถนนสายบ้านทรายมูล-โพธิ์ตาก ซึ่งเสมือนพนังกั้นน้ำยัง หลังถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนขาด เมื่อช่วงเช้าวานนี้ โดยต้องปรับแผนนำเสาไฟฟ้ามาวางขวางเป็นแนวบิ๊กแบ็ก เพื่อให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้. – สำนักข่าวไทย

ส่องสาเหตุรถชนโครมเดียว เสาไฟฟ้าล้ม 77 ต้น

เชียงใหม่ 10 ก.ย. – อุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำดื่มแหกโค้งพุ่งชนเสาไฟฟ้าที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สร้างความเสียหายหนัก เสาไฟฟ้าล้มกว่า 70 ต้น บ้านเรือนเสียหาย 20 หลัง สาเหตุเกิดจากอะไร. – สำนักข่าวไทย

“ศุภจี” เปิดใจครั้งแรก จะทุ่มเททำงานระยะสั้นให้เกิดประโยชน์

พรรคภูมิใจไทย 10 ก.ย.-“ศุภจี” เปิดใจครั้งแรก ขอนำประสบการณ์ที่มีทั้งหมด ทุ่มเททำงานระยะสั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอบคุณเสียงชื่นชม-ความคาดหวัง เป็นกำลังใจทำงาน รับทำไม่ได้ทุกเรื่อง แต่จะเลือกทำสิ่งที่เกิดผลอย่างดีที่สุด นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเปิดใจถึงความมุ่งมั่นที่เข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ว่า ตนมีความตั้งใจเหมือนนายกฯ พูดไปแล้วว่า ระยะเวลาสั้นๆ นี้ เป็นระยะเวลาที่มีความท้าทาย และมีความสำคัญมาก ประเทศเราต้องเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าจะระยะเวลาสั้นแค่ไหน “ดิฉันในฐานะที่มีโอกาสได้ทำงานมาหลากหลาย รวมถึงงานระหว่างประเทศด้วย ตั้งใจจะนำเอาประสบการณ์ ความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมด มาทุ่มเทให้ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งมีธงเดียวกับนายกฯ คือ ทำประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติและพี่น้องประชาชนให้ได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ” นางศุภจี กล่าว เมื่อถามว่า สังคมชื่นชมและคาดหวังผลงานต่อจากนี้ นางศุภจี กล่าวว่า ขอบคุณที่ได้รับการชื่นชม และได้รับการคาดหวัง ถือเป็นกำลังใจที่ดีอย่างยิ่ง และจะยิ่งเป็นกำลังใจที่ทำให้ทุกคนไม่ผิดหวัง ดังนั้นก็จะประสานมือกับทีมงานทุกคนภายใต้นโยบายของนายกฯ และนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ทำเรื่องเศรษฐกิจของประเทศไทยให้กลับมาให้ได้ ภายในระยะเวลาอันสั้น เมื่อถามว่า ถือเป็นการบ้านที่หนักหรือไม่ เพราะเข้ามาในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศเป็นแบบนี้ นางศุภจี กล่าวว่า […]

ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์

กัมพูชา 10 ก.ย.- ไทย-กัมพูชา เดินหน้าคืนสันติภาพชายแดน ผลประชุม GBC สมัยพิเศษ ที่เกาะกง สรุป 5 ประเด็นสำคัญ ตั้งแต่ถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ ไปจนถึงจัดการพื้นที่พิพาท รมช.กลาโหม ย้ำสองประเทศต้องอยู่ร่วมกันด้วยสันติวิธี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ วันที่ 10 กันยายน 2568 ณ จังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามผลการประชุม GBC ที่มาเลเซียที่ผ่านมา เพื่อนำสันติภาพและความสงบสุขกลับมาสู่พื้นที่ชายแดนได้อย่างถาวร พร้อมย้ำถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในภาพรวม หลังการหยุดยิงดำเนินมากว่า 1 เดือน ว่ามีความสงบมากขึ้น แม้ยังมีข้อกังวลบางประการที่ต้องแก้ไข เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับมาเต็มร้อย โดยผลการประชุมสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ 1. การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูง ออกจากพื้นที่ชายแดนกลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการ GBC และ RBC จะหารือกันภายใน 3 […]