กรุงเทพฯ 20 พ.ค. – บล.เมย์แบงก์กิมเอ็งคัดหุ้นดีที่มีโอกาสไปต่อ “SPRC , TASCO, JMT, CBG”
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ( ประเทศไทย ) รายงานว่า COVID-19 กระทบกำไรรวมบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1/2563 หดตัว 59% เมื่อเทียบกับปีก่อน การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อแทบทุกอุตสาหกรรม จากการรวบรวมข้อมูลกำไรในช่วงไตรมาส 1/2563 ของทุกบริษัทใน SET พบว่าเหลือเพียง 110,000 ล้านบาทเท่านั้น ลดลง 50% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562 และลดลงถึง 59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรหดตัวมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ พลังงาน รองลงมา คือ ปิโตรเคมี และวัสดุก่อสร้าง โดยกำไรรวมไตรมาส 1 ปี 2563 ต่ำกว่าที่ตลาดประเมินไว้ประมาณ 12% ซึ่งอาจเห็นการปรับประมาณลงอีกเล็กน้อย
สำหรับราคาหุ้นจะถูกหรือแพงนั้น ขึ้นอยู่กับสไตล์การลงทุน จากกำไรที่อ่อนแอและต่ำคาด ส่งผลให้นักวิเคราะห์ยังมีโอกาสปรับลดคาดการณ์กำไรรวมของบริษัทจดทะเบียนใน SET โดยล่าสุดกำไรปีนี้ตลาดคาดลดลงสู่ระดับ 70 บาท/หุ้น ซึ่ง ณ ระดับ SET ปัจจุบัน คิดเป็น PE ประมาณ 18.2 เท่า เทียบเคียง PE เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี+2SD ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ค่อนข้างตึงตัว แต่อย่างไรก็ดีมุมมองของนักลงทุนระยะกลาง-ยาว อาจมองข้ามกำไรปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นปีที่ไม่ปกติ (กำไรต่ำจาก COVID-19) โดยคาดกำไรในปีถัดไปมีโอกาสจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ หลัง COVID-19 คลี่คลาย หากมีมุมมองเช่นนี้ SET ปัจจุบันก็ยังไม่แพงนัก และถือเป็นจังหวะในการทยอยสะสม
โดยการค้นหาหุ้นเด่นที่น่าจะไปต่อ จากงบการเงินไตรมาส 1/2563 ที่รายงานเสร็จสิ้นแล้ว คาดว่ากลุ่มที่ราคาหุ้นมีโอกาสไปต่อ น่าทยอยสะสม คือ หุ้นที่กำไรไตรมาส 1/2563 อ่อนแอมาก แต่คาดจะเป็นจุดต่ำสุดของปี และกำไรจะกลับมาเร่งตัวเด่นตั้งแต่ ไตรมาส 2/2563 เป็นต้นไป โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใกล้เคียงเงื่อนไขนี้ ได้แก่ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ส่วนหุ้นที่ผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1/2563 ขยายตัวโดดเด่น และอาจอ่อนตัวลงบ้างในช่วงไตรมาส 2/2563 แต่จะกลับมาเร่งตัวขึ้นเด่นในช่วงครึ่งหลังของปี
จากการคัดกรองจากธีมการลงทุนดังกล่าว จะได้ 4 หุ้น ที่น่าทยอยสะสม ได้แก่ SPRC , TASCO , JMT และ CBG .-สำนักข่าวไทย
