กรมอนามัย 18 พ.ค.-ก.สาธารณสุข-พัฒนาสังคม-มหาดไทย-ศึกษาธิการ และองค์การยูนิเซฟประเทศไทย จับมือร่วมดูแลเด็กที่รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 วางแนวทางช่วยเหลือ 5 ด้าน ขณะที่ยูนิเซฟประเทศไทย ชื่นชมประเทศไทยดูแลประชากรปลอดโควิด-19 ได้อย่างมีศักยภาพ
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับ ผู้แทนจากกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.), กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย , กระทรวงศึกษาธิการ และองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ในการพัฒนาความร่วมมือเพื่อคุ้มครองเด็กในชุมชนและสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ว่า มีแนวทางที่จะช่วยเหลือเด็กใน 5 ประเด็นคือ 1.เรื่องอาหาร กลางวันที่เด็กได้รับผลกระทบจากการไม่ได้ มากินอาหารที่โรงเรียนรวมทั้งนมโรงเรียน 2.พัฒนาการของเด็กที่ลดลงขาดจากการขาดการเรียนรู้ไม่เป็นตามวัย 3.สุขภาวะของเด็กจากการขาดการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในช่วงปิดเทอมยาวเช่นขาดการได้รับวัคซีน 4.ขาดการใช้เวลาว่างอย่างเหมาะสมเสี่ยงได้รับอุบัติเหตุ ได้รับเชื้อโรค เล่นเกม ขาดการเรียนรู้ที่ดี 5.เด็กตกเป็นที่รองรับความตึงเครียดในครอบครัวจากการที่ต้องหยุดอยู่บ้านนาน
โดยแนวทางการแก้ปัญหาจะบูรณาการร่วมกัน ระหว่าง 5 หน่วยงาน เช่นทำและจัดส่งอาหาร รวมถึงนมโรงเรียน ให้เด็กให้ทั่วถึงมากที่สุด ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าคัดกรองเด็ก ที่มีความเสี่ยงต่างๆให้ลดน้อยลงให้ได้รับการดูแลที่ ถูกต้องมากที่สุดโดยเฉพาะความเสี่ยงที่ได้รับจากในครอบครัว ให้ความรู้เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมทำความสะอาด ระบบคัดกรองเด็กในช่วงเปิดเทอมให้กับชุมชนและสถาน พัฒนาเด็กปฐมวัย เด็ก
โดยนำเครื่องมือที่มีอยู่แล้วมาใช้อย่างเต็มที่ เช่น ศูนย์ให้คำปรึกษาของกรมสุขภาพจิต ศูนย์พึ่งได้ oscc ศูนย์บริการแม่และเด็กของกรมอนามัย ฯลฯและก่อนที่จะถึงช่วงเปิดเทอมกรมอนามัยและทุกหน่วยงานจะทำคู่มือเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ได้ศึกษาในรูปแบบเข้าใจง่ายทั้งคลิปวิดีโอ เพื่อเตรียมความพร้อมดูแลเด็กให้ทั่วถึง ภายในเดือนพฤษภาคมนี้
ขณะที่ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ กล่าวชื่นชมประเทศไทยที่ในภาพรวมมีการดูแลประชากรให้ปลอดโควิด-19 ได้อย่างมีศักยภาพและองค์การยูนิเซฟประเทศไทย พร้อมจะให้ความร่วมมือเต็มที่ที่จะปกป้องเด็กให้ปลอดภัยจากสถานการณ์ที่ได้รับผลกระทบนี้ .-สำนักข่าวไทย