ภูเก็ต 15 พ.ค.- ผู้ว่าฯ ภูเก็ต ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแจ้ง กพท.มีประกาศเลื่อนเปิดสนามบินภูเก็ตไม่มีกำหนด เหตุสถานการณ์ยังมีความเสี่ยง แม้ระดับพื้นที่จะคุมการระบาดได้ดี ล่าสุดไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม
เมื่อเวลา 15.00 น. (15 พ.ค.) นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย และนายวงศกร นุ่นชูคันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุมอื่น ๆ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบกรณีสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ออกประกาศยกเลิกการเปิดให้บริการท่าอากาศยานภูเก็ตออกไปก่อน โดยมีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง เงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ วันที่ 14 พ.ค. 2563 ที่ ประกาศให้ท่าอากาศยานภูเก็ตเปิดให้บริการการบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ ได้ ตั้งแต่ เวลา 00.01 น. วันที่ 16 พ.ค.2563
ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าว ระบุว่าแม้จังหวัดภูเก็ตจะสามารถควบคุมยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด- 19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ด้วยสถานการณ์ยังถือว่ามีความเสี่ยงที่ต้องติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคไปสู่พื้นที่อื่น และเพื่อไม่ให้โรคกลับมาแพร่ระบาดใหม่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้อีก จึงเห็นควรให้ยกเลิกการเปิดให้บริการท่าอากาศยานภูเก็ตออกไปจนกว่าจะมีประกาศอื่นเปลี่ยนแปลง ประกาศ ณ วันที่ 15 พ.ค.2563
จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และ นพ.ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ได้แจ้งให้ที่ประชุมว่า เป็นที่น่ายินดีที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ ยังคงตัวเลขผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมในระบบ 224 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 197 ราย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 24 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ 45 ราย
ว่าที่ร้อยตรีวิกรม จากที่ ปลัดจังหวัดภูเก็ต รายงานผลการประเมินกิจการ/กิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้รับการผ่อนปรนในระยะแรก ระหว่างวันที่ 10-14 พ.ค.2563 เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการที่จะให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ได้เป็นฐานข้อมูลพิจารณาผ่อนปรนสถานประกอบการในลำดับต่อไป ผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ให้ความร่วมมืออยู่ในเกณฑ์สูง 80 กว่าเปอร์เซ็นต์.-สำนักข่าวไทย