นอ.อนุดิษฐ์ ชี้มาตรการเยียวยาล้มเหลว มีปัญหาทุกกลุ่ม

กรุงเทพฯ 7 พ.ค. -เพื่อไทย จี้เยียวยาประชาชนทั่วถึง ชี้มาตรการรัฐล้มเหลวเยียวยาประชาชน หลังมีมาตรการช่วยเหลือพบปัญหาทุกกลุ่ม


น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ชี้แจงมติที่ประชุมของคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ต่อมาตรการเยียวยาของรัฐบาลที่ต้องใช้เงิน 600,000 ล้านบาทจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ว่า หลังจากรัฐบาลกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 และประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องหยุดงาน หรือลดเวลาทำงานลง ทำให้ขาดรายได้ไม่พอเลี้ยงชีพ และต่อมารัฐบาลได้อนุมัติเงินเยียวยาเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบทุกคน ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการให้รวดเร็ว ทั่วถึงและทันเวลา แต่หลังจากรัฐบาลประกาศมาตรการเยียวยาและดำเนินการช่วยเหลือมาจนถึงวันนี้ พรรคเพื่อไทยยังได้รับการร้องเรียนอย่างต่อเนื่องจากประชาชนทั่วประเทศว่า ผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมากยังไม่ได้รับความช่วยเหลือตามสิทธิ์ และได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสเพราะไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว ซึ่งพรรคเพื่อไทยตระหนักถึงความทุกข์ดังกล่าว จึงได้เรียกร้องและเสนอแนะรัฐบาลมาเป็นลำดับ แม้ผู้มีอำนาจจะพยายามแก้ไขและปรับปรุงข้อบกพร่องต่าง ๆ แต่การเยียวยาก็ยังไม่ทั่วถึงและทันเวลา 

น.อ. อนุดิษฐ์ กล่าวว่า  ดังนั้นเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือผู้เดือดร้อนได้อย่างถ้วนหน้า พรรคเพื่อไทยจึงขอยืนยันจุดยืนในการใช้เงิน 600,000 ล้านบาท เพื่อเยียวยาประชาชน กลุ่มผู้ได้รับความเดือดร้อนตามมาตรการเยียวยา 5,000 บาท  3เดือน ได้แก่ ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ นอกระบบประกันสังคม ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงการคลังพบว่าขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนผ่านเกณฑ์แล้ว 12.8 ล้านราย ซึ่งจะจ่ายให้ครบภายในกลางเดือนพฤษภาคมนี้ แต่ก็ยังมีผู้มีสิทธิ์ที่ตกหล่นยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ และออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมอีกเป็นจำนวนมาก ดังจะเห็นได้จากกลุ่มผู้เดือดร้อนที่ยังไปประท้วงขออุทธรณ์สิทธิ์ที่กระทรวงการคลังอย่างต่อเนื่อง


เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ดังนั้นพรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลต้องดำเนินการชดเชยให้ครบถ้วนตามความเป็นจริงโดยด่วน และเชื่อว่ารัฐสามารถผ่อนปรนมาตรการและขยายความช่วยเหลือตามความเป็นจริงได้ถึง 20 ล้านคน นอกจากนี้ กลุ่มเกษตรกร ประมาณ 7 ล้านครอบครัว ขณะนี้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหาต่าง ๆ รอบด้าน เพราะการบริหารงานของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร ราคาตกต่ำได้  ทำให้หนี้สินเกษตรกรเพิ่มพูนเป็นลำดับ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตตกต่ำอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน นอกจากนี้ เกษตรกรยังประสบกับปัญหาภัยแล้ง สลับกับน้ำท่วม เป็นประจำทุกปี ซึ่งการเยียวยาผู้ประสบภัยปีล่าสุดพบว่า รัฐบาลยังค้างจ่ายค่าเยียวยาภัยแล้ง น้ำท่วมกับเกษตรกรเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อมาประสบปัญหาวิกฤตโควิต – 19 ซ้ำเติมจากปัญหาเดิมที่ค้างคาอยู่ จึงส่งผลให้เกษตรกรเดือดร้อนเป็นทวีคูณ พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องให้ชดเชยเงินเกษตรกรเป็นเงิน 35,000 บาท ต่อครอบครัว 

น.อ.อนุดิษฐ์  กล่าวอีกว่า กลุ่มผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33  ซึ่งมีอยู่ประมาณ 11 ล้านคน ขณะนี้ยังไม่ได้รับการชดเชยอีกเป็นจำนวนมาก ตัวเลขล่าสุดที่พรรคเพื่อไทยตรวจสอบพบว่าล่วงเลยมาเดือน พ.ค.แล้ว ยังมีผู้ประกันตนที่ยังไม่ได้รับเงินชดเชยมากกว่า 6 ล้านคน ซึ่งพรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้ชดเชยผู้ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ให้ครบถ้วนโดยด่วนที่สุด ขณะที่กลุ่มเปราะบางทางสังคม ได้แก่ คนไร้สัญชาติ ผู้พิการ คนไร้ที่พึ่ง และผู้ที่ได้รับผลกระทบที่ยังตกสำรวจและไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปดูแล คนกลุ่มนี้มีจำนวนไม่มากและยังต้องพึ่งพาตนเอง ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจสั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบสำรวจและดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบโดยด่วน อย่าปล่อยปละละเลยหรือทิ้งขว้าง เพราะทุกคนเป็นคนไทยเหมือนกัน

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการคำนวณงบประมาณที่ต้องใช้ในการเยียวยาประชาชนทั้งหมดตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอนั้น ยังไม่เกินกว่ากรอบเงินกู้ 600,000 ล้านบาท และสามารถเยียวยาให้กับผู้เดือดร้อนได้ทุกกลุ่มโดยถ้วนหน้า แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วนในขณะนี้ก็คือ ต้องรีบชดเชยให้กับผู้ที่ตกสำรวจ ผู้ขออุทธรณ์สิทธิ์ เกษตรกร รวมทั้งผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินชดเชยอีกหลายล้านคน เพราะเวลาล่วงเลยมามากแล้ว แม้รัฐบาลจะมั่นใจว่าจ่ายครบอย่างแน่นอน แต่ต้องอย่าลืมว่าการจ่ายเงินต้องรวดเร็วและทันเวลาด้วยเพราะทุกคนต้องใช้เงินก้อนนี้ในการดำรงชีพ  


“รัฐบาลต้องใช้มาตรการเชิงรุก ด้วยการใช้กลไกรัฐที่มีอยู่ทั่วประเทศ ลงไปดูแลทุกข์สุขของประชาชน เพื่อค้นหาตัวเลขผู้เดือดร้อนที่แท้จริงมารับการเยียวยา ก่อนที่จะมีปัญหามากกว่านี้ ที่ผ่านมารัฐบาลพูดถึงแต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลงซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงตัวเลขคนเดือดร้อนจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของตัวเอง ตั้งแต่การล็อคดาวน์โดยไม่มีการวางแผนล่วงหน้า  หรือแม้กระทั่งการแจกเงินเยียวยาที่ไม่เท่าทันความเดือดร้อน จนเป็นที่มาของข่าวโศกนาฏกรรมรายวัน” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า สังคมไทยรู้สึกเสียใจต่อท่าทีของนายกรัฐมนตรีที่เมินเฉยต่อปัญหาการฆ่าตัวตายรายวัน ซึ่งนายกฯ ทำราวกับว่า เป็นเรื่องปรกติไปแล้วสำหรับคนในยุคนี้ ทั้งที่สาเหตุมาจากการเยียวยาที่ผิดพลาดและล่าช้า ซึ่งพรรคเพื่อไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้เดือดร้อนทั้งหมดที่ยังไม่ได้รับเงินชดเชยจะต้องได้รับสิทธิ์ของตนเองภายในวันที่ 10 พ.ค.นี้เป็นอย่างช้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]