กรุงเทพฯ 7 พ.ค. -เพื่อไทย จี้เยียวยาประชาชนทั่วถึง ชี้มาตรการรัฐล้มเหลวเยียวยาประชาชน หลังมีมาตรการช่วยเหลือพบปัญหาทุกกลุ่ม
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ชี้แจงมติที่ประชุมของคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ต่อมาตรการเยียวยาของรัฐบาลที่ต้องใช้เงิน 600,000 ล้านบาทจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ว่า หลังจากรัฐบาลกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 และประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องหยุดงาน หรือลดเวลาทำงานลง ทำให้ขาดรายได้ไม่พอเลี้ยงชีพ และต่อมารัฐบาลได้อนุมัติเงินเยียวยาเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบทุกคน ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการให้รวดเร็ว ทั่วถึงและทันเวลา แต่หลังจากรัฐบาลประกาศมาตรการเยียวยาและดำเนินการช่วยเหลือมาจนถึงวันนี้ พรรคเพื่อไทยยังได้รับการร้องเรียนอย่างต่อเนื่องจากประชาชนทั่วประเทศว่า ผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมากยังไม่ได้รับความช่วยเหลือตามสิทธิ์ และได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสเพราะไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว ซึ่งพรรคเพื่อไทยตระหนักถึงความทุกข์ดังกล่าว จึงได้เรียกร้องและเสนอแนะรัฐบาลมาเป็นลำดับ แม้ผู้มีอำนาจจะพยายามแก้ไขและปรับปรุงข้อบกพร่องต่าง ๆ แต่การเยียวยาก็ยังไม่ทั่วถึงและทันเวลา
น.อ. อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ดังนั้นเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือผู้เดือดร้อนได้อย่างถ้วนหน้า พรรคเพื่อไทยจึงขอยืนยันจุดยืนในการใช้เงิน 600,000 ล้านบาท เพื่อเยียวยาประชาชน กลุ่มผู้ได้รับความเดือดร้อนตามมาตรการเยียวยา 5,000 บาท 3เดือน ได้แก่ ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ นอกระบบประกันสังคม ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงการคลังพบว่าขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนผ่านเกณฑ์แล้ว 12.8 ล้านราย ซึ่งจะจ่ายให้ครบภายในกลางเดือนพฤษภาคมนี้ แต่ก็ยังมีผู้มีสิทธิ์ที่ตกหล่นยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ และออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมอีกเป็นจำนวนมาก ดังจะเห็นได้จากกลุ่มผู้เดือดร้อนที่ยังไปประท้วงขออุทธรณ์สิทธิ์ที่กระทรวงการคลังอย่างต่อเนื่อง
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ดังนั้นพรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลต้องดำเนินการชดเชยให้ครบถ้วนตามความเป็นจริงโดยด่วน และเชื่อว่ารัฐสามารถผ่อนปรนมาตรการและขยายความช่วยเหลือตามความเป็นจริงได้ถึง 20 ล้านคน นอกจากนี้ กลุ่มเกษตรกร ประมาณ 7 ล้านครอบครัว ขณะนี้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหาต่าง ๆ รอบด้าน เพราะการบริหารงานของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร ราคาตกต่ำได้ ทำให้หนี้สินเกษตรกรเพิ่มพูนเป็นลำดับ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตตกต่ำอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน นอกจากนี้ เกษตรกรยังประสบกับปัญหาภัยแล้ง สลับกับน้ำท่วม เป็นประจำทุกปี ซึ่งการเยียวยาผู้ประสบภัยปีล่าสุดพบว่า รัฐบาลยังค้างจ่ายค่าเยียวยาภัยแล้ง น้ำท่วมกับเกษตรกรเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อมาประสบปัญหาวิกฤตโควิต – 19 ซ้ำเติมจากปัญหาเดิมที่ค้างคาอยู่ จึงส่งผลให้เกษตรกรเดือดร้อนเป็นทวีคูณ พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องให้ชดเชยเงินเกษตรกรเป็นเงิน 35,000 บาท ต่อครอบครัว
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า กลุ่มผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 11 ล้านคน ขณะนี้ยังไม่ได้รับการชดเชยอีกเป็นจำนวนมาก ตัวเลขล่าสุดที่พรรคเพื่อไทยตรวจสอบพบว่าล่วงเลยมาเดือน พ.ค.แล้ว ยังมีผู้ประกันตนที่ยังไม่ได้รับเงินชดเชยมากกว่า 6 ล้านคน ซึ่งพรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้ชดเชยผู้ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ให้ครบถ้วนโดยด่วนที่สุด ขณะที่กลุ่มเปราะบางทางสังคม ได้แก่ คนไร้สัญชาติ ผู้พิการ คนไร้ที่พึ่ง และผู้ที่ได้รับผลกระทบที่ยังตกสำรวจและไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปดูแล คนกลุ่มนี้มีจำนวนไม่มากและยังต้องพึ่งพาตนเอง ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจสั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบสำรวจและดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบโดยด่วน อย่าปล่อยปละละเลยหรือทิ้งขว้าง เพราะทุกคนเป็นคนไทยเหมือนกัน
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการคำนวณงบประมาณที่ต้องใช้ในการเยียวยาประชาชนทั้งหมดตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอนั้น ยังไม่เกินกว่ากรอบเงินกู้ 600,000 ล้านบาท และสามารถเยียวยาให้กับผู้เดือดร้อนได้ทุกกลุ่มโดยถ้วนหน้า แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วนในขณะนี้ก็คือ ต้องรีบชดเชยให้กับผู้ที่ตกสำรวจ ผู้ขออุทธรณ์สิทธิ์ เกษตรกร รวมทั้งผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินชดเชยอีกหลายล้านคน เพราะเวลาล่วงเลยมามากแล้ว แม้รัฐบาลจะมั่นใจว่าจ่ายครบอย่างแน่นอน แต่ต้องอย่าลืมว่าการจ่ายเงินต้องรวดเร็วและทันเวลาด้วยเพราะทุกคนต้องใช้เงินก้อนนี้ในการดำรงชีพ
“รัฐบาลต้องใช้มาตรการเชิงรุก ด้วยการใช้กลไกรัฐที่มีอยู่ทั่วประเทศ ลงไปดูแลทุกข์สุขของประชาชน เพื่อค้นหาตัวเลขผู้เดือดร้อนที่แท้จริงมารับการเยียวยา ก่อนที่จะมีปัญหามากกว่านี้ ที่ผ่านมารัฐบาลพูดถึงแต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลงซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงตัวเลขคนเดือดร้อนจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของตัวเอง ตั้งแต่การล็อคดาวน์โดยไม่มีการวางแผนล่วงหน้า หรือแม้กระทั่งการแจกเงินเยียวยาที่ไม่เท่าทันความเดือดร้อน จนเป็นที่มาของข่าวโศกนาฏกรรมรายวัน” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า สังคมไทยรู้สึกเสียใจต่อท่าทีของนายกรัฐมนตรีที่เมินเฉยต่อปัญหาการฆ่าตัวตายรายวัน ซึ่งนายกฯ ทำราวกับว่า เป็นเรื่องปรกติไปแล้วสำหรับคนในยุคนี้ ทั้งที่สาเหตุมาจากการเยียวยาที่ผิดพลาดและล่าช้า ซึ่งพรรคเพื่อไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้เดือดร้อนทั้งหมดที่ยังไม่ได้รับเงินชดเชยจะต้องได้รับสิทธิ์ของตนเองภายในวันที่ 10 พ.ค.นี้เป็นอย่างช้า.-สำนักข่าวไทย