บัญชีทะเบียนเกษตรกรลอตแรกกว่า 8 ล้านรายถึงคลังแล้ว

กรุงเทพฯ  5 พ.ค. – กระทรวงเกษตรฯ ส่งข้อมูลทะเบียนเกษตรกรชุดแรกถึงกระทรวงการคลังแล้ว 8.33 ล้านราย เร่งตรวจสอบไม่ให้ซ้ำซ้อน คาดจ่ายเงิน 5,000 บาทงวดแรกกลางเดือนนี้ พร้อมแจงหลักเกณฑ์การประกอบการเกษตรอย่างชัดเจน เพื่อให้เกษตรกรที่ไม่เคยขึ้นทะเบียนเร่งดำเนินการภายในวันที่ 15 พ.ค.นี้ 


นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า มอบหมายให้เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรส่งข้อมูลทะเบียนเกษตรกรถึงผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลังแล้ว โดยกลุ่มแรกเป็นเกษตรกรที่ขึ้นและปรับปรุงทะเบียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งมีบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ประมาณ 8.33 ล้านราย โดยตรวจสอบอย่างละเอียดไม่ให้ซ้ำซ้อน เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง เมื่อกระทรวงการคลังได้รับทะเบียนเกษตรกรชุดแรกแล้วจะตรวจสอบไม่ให้ซ้ำซ้อนกับผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือผ่านโครงการเราไม่ทิ้งกัน ผู้มีสิทธิ์สวัสดิการผ่านระบบข้าราชการของกรมบัญชีกลาง ผู้มีสิทธิ์ระบบประกันสังคมของสำนักงานประกันสังคม และเกณฑ์อื่น ๆ ที่กระทรวงการคลังกำหนด คาดว่าเกษตรกรกลุ่มแรกจะได้รับเงินช่วยเหลืองวดแรกผ่านบัญชีของ ธ.ก.ส.กลางเดือนพฤษภาคมนี้ โดยจ่ายเข้าบัญชี ธ.ก.ส.รายละ 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม รวมได้รับ 15,000 บาทต่อราย

สำหรับเกษตรกรกลุ่ม 2 ได้แก่ เกษตรกรที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียน ซึ่งสามารถมาขึ้นทะเบียนได้ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม ประมาณ 1.67 ล้านราย โดยกระทรวงการคลังแจ้งว่าสามารถจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรงวดแรกกลุ่ม 2 ภายในเดือนพฤษภาคมเช่นกัน ดังนั้น เกษตรกรเป้าหมายทั้ง 2 กลุ่มรวม 10 ล้านราย 


ทั้งนี้ ผู้ที่ยังไม่ได้ขึ้นหรือปรับปรุงทะเบียนให้เร่งติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรประกอบการเกษตร ดังนี้ 1. การทำนา/ทำไร่อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน 1 ไร่ขึ้นไป 2. การปลูกผัก/การปลูกไม้ดอกไม้ประดับ/ การเพาะเห็ด/การปลูกพืชอาหารสัตว์อย่างใดอย่างหรือรวมกัน 1 งานขึ้นไป 3. การปลูกไม้ผลไม้ยืนต้น/การปลูกสวนป่า/ปลูกป่า เศรษฐกิจแบบสวนเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน  1 ไร่ขึ้นไปและมี 50 ต้นขึ้นไป 4. การปลูกไม้ผล/ไม้ยืนต้นแบบสวนผสมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันอย่างน้อย 1 ไร่และมี 50 ต้นขึ้นไป 5. การเลี้ยงแม่โคนม 1 ตัวขึ้นไป 6. การเลี้ยงโค / กระบือ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน 2 ตัวขึ้นไป 7. การเลี้ยงสุกร แพะ หรือแกะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน 5 ตัวขึ้นไป 8. การเลี้ยงสัตว์ปีก 50 ตัวขึ้นไป 9. การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 10. การทำนาเกลือสมุทร 1 ไร่ขึ้นไป 11. การปลูกหม่อน การเลี้ยงไหมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน 12. การเพาะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจและเกษตรอื่นๆ 13. ประกอบการเกษตรอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน 

นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรยังรวบรวมทะเบียนเกษตรกรที่ขึ้นไว้กับกรมหม่อนไหม ซึ่งประกอบการเกษตรดังนี้ 1. เกษตรกรผู้ปลูกหม่อน จะต้องมีพื้นที่ปลูกหม่อนหรือมีจำนวนต้นดังนี้ 1. ใบหม่อนสดเพื่อจำหน่ายต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1 งานหรือมี 250 ต้นขึ้นไป 2.ใบชาหม่อนต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1 งานหรือมี 250 ต้นขึ้นไป 3. หม่อนผลสดต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1 งานหรือมี 250 ต้นขึ้นไป 4. ใบหม่อนสดเพื่อเลี้ยงไหมหัตถกรรมต้องมีพื้นที่ไม่น้อย 1งานหรือมี 250 ต้นขึ้นไป 5. ใบหม่อนสดเพื่อเลี้ยงไหมอุตสาหกรรมต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1 ไร่หรือมี 375 ต้นขึ้นไป 2. เกษตรกรผู้เลี้ยงไหมจะต้องมีห้องเลี้ยงไหม/โรงเลี้ยงไหม พร้อมอุปกรณ์เลี้ยงไหมครบอย่างน้อย 1 ห้อง/โรง 3. เกษตรกรผู้ทอผ้าไหมต้องมีกี่ทอผ้าไหมอย่างน้อย 1 ตัว พร้อมอุปกรณ์การทอผ้าไหมครบ โดยเป็นกี่ทอผ้าไหมของตนเองและ/หรือเป็นของกลุ่มเกษตรกร 


ส่วนกรมปศุสัตว์รับขึ้นทะเบียนเกษตรกร ซึ่งประกอบการเกษตรดังนี้ 1. กรณีเลี้ยงโคเนื้อ โคนม กระบือ สุกร แพะ แกะ และสัตว์ปีก ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์คือ 1.1 การเลี้ยงแม่โคนม 1 ตัวขึ้นไป 1.2 การเลี้ยงโค หรือกระบืออย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน  2 ตัวขึ้นไป 1.3 การเลี้ยงสุกร แพะ หรือแกะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน 5 ตัวขึ้นไป 1.4 การเลี้ยงสัตว์ปีก 50 ตัวขึ้นไป 2. กรณีจำนวนสัตว์ที่เลี้ยงไม่เป็นไปตามข้อ 1. ต้องมีการเลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นร่วมด้วยไม่น้อยกว่า 1 ชนิด

สำหรับกรมประมงรับขึ้นทะเบียนเกษตรกร ซึ่งประกอบการเกษตรดังนี้ 1. เกษตรกรขึ้นทะเบียนเกษตรกร ผู้เพาะลี้ยงสัตว์น้ำ (ทบ.1) ที่ทะเบียนเกษตรกรยังมีอายุอยู่ 2. เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ทำการประมง (ทบ.3) ที่ทะเบียนเกษตรกรยังมีอายุอยู่ 3. เกษตรกรที่ได้รับอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน 4. เกษตรกรได้จดแจ้งการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน 5. เกษตรกรที่ได้จดแจ้งการประกอบกิจการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล (เกษตรกร ในที่นี้หมายถึง บุคคลธรรมดา)

นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรอื่น ๆ ที่มีหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนเกษตรกรของหน่วยงานเอง โดยไม่อยู่ภายใต้ระเบียบคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเกษตรกร พ.ศ. 2560 ดังนี้ 1. เกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนไว้กับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) 2. เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และ 3. เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ขึ้นทะเบียนไว้กับการยาสูบแห่งประเทศไทย หากเกษตรกรมีข้อสงสัยและต้องการตรวจสอบสิทธิ์สามารถติดต่อหน่วยงานในพื้นที่ที่ขึ้นทะเบียนไว้ได้ทุกวันในเวลาราชการ โดยไม่เว้นวันหยุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง