ศบค.แถลงพบผู้ป่วยใหม่ 3 ราย

ทำเนียบฯ 3 พ.ค.-  ศบค.แถลงพบผู้ป่วยใหม่ 3 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม เผยข่าวพบ 40 ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ยะลาผิดปกติ เร่งตรวจเชื้อซ้ำอีกรอบวันนี้ ขณะ ผบ.ทสส. ชี้พร้อมสั่งปิดร้านค้าที่ละเลยมาตรการสาธารณสุข ด้านมหาดไทย ย้ำรัฐบาลตรึงมาตรการห้ามเดินทางข้ามเขตจังหวัด ชี้จำเป็นต้องกักตัวที่ภูมิลำเนา ยันประชาชนจากภูเก็ตลงทะเบียนผ่านการคัดกรองแล้ว


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้ (3 พ.ค.) ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 3 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,969 ราย รักษาหาย 2,739 ราย รักษาตัวอยู่ 176 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 54 ราย

โฆษก ศบค. กล่าวว่า จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 3 ราย พบว่า มาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 2 ราย เป็นคนใน กทม.ทั้งคู่ และเป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย และเข้ากักกันตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ในจังหวัดนราธิวาส 1 ราย 


นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยอีกว่า ศบค.ได้สั่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเผยแพร่ว่ามีผู้ติดเชื้อกว่า 40 คนที่จังหวัดยะลา พบว่า เป็นการค้นหาผู้ติดเชื้อแบบเชิงรุก 311 คน ทราบผลตรวจตรวจเบื้องต้น มี 271 คนที่เป็นลบ และมี 40 คนที่ยืนยันในเบื้องต้นว่ามีผลเป็นบวก ซึ่งบางอำเภอผลพบเชื้อ 30.77 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าปกติ จึงน่าสงสัยได้ว่า กระบวนการตรวจนั้นถูกต้องหรือไม่ ดังนั้น จึงขอเวลาการเก็บตัวอย่างใหม่อีกครั้งในวันนี้ (3 พ.ค.) โดยคนที่มีผลตรวจเบื้องต้นว่า ติดเชื้อจะถูกกักตัวและตรวจซ้ำในมาตรฐานที่เชื่อถือได้  และจะแจ้งให้ทราบใหม่อีกครั้ง ยืนยัน จะไม่มีการปกปิด จะเสนอความจริงให้มากที่สุด 

โฆษก ศบค. กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังได้ออกมาเตือนทั่วโลก ว่า ต้องคลายล็อคอย่างช้า ๆ เตรียมรับโควิด-19 ที่จะพุ่งขึ้นอีกรอบ โดยเน้นดำเนินการป้องกันบุคคลที่มีความเสี่ยงในสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงสถานดูแลระยะยาวอย่างที่พักแรงงานต่างชาติ รวมถึงต้องตรวจหาเชื้อในกลุ่มผู้ต้องสงสัยอย่างต่อเนื่อง แม้จะสามารถควบคุมการระบาดไว้ได้แล้วก็ตาม

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนกลุ่มคนไทยที่เดินทางผ่านช่องทางอากาศวันนี้ (3 พ.ค.) เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศสเปน 45 คน เที่ยวบิน IB 2833 ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 18.55 น. ประเทศสิงคโปร์ 176 คน เที่ยวบิน SQ 976 ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา 17.25 น. ประเทศรัสเซีย 70 คน เที่ยวบิน SU 272 ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา 10:30 น และในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ค.) มีคนไทยเดินทางกลับจากมัลดีฟส์ จำนวน 125 คน เที่ยวบิน Q2 9350 ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา 15.15 น เขตปกครองพิเศษฮ่องกง 165 คน เที่ยวบิน we631 ที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา 15.55 น รวมระหว่างวันที่ 4 เมษายนถึง 2 พฤษภาคม มีคนไทยเดินทางเข้าประเทศและทั้งสิ้น 3,981 คนใน 23 ประเทศ


โฆษก ศบค. กล่าวว่า สำหรับสถิติคนไทยเดินทางเข้าประเทศผ่านจุดแดนทางบก มีการลงทะเบียน 411 คน เดินทางเข้าประเทศรวม 590 คน เป็นเมียนมาร์ 15 คนมาเลเซีย 541 คน ลาว 10 คน กัมพูชา 24 คน รวมระหว่างวันที่ 18 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม 2563 มี มีการเดินทางกลับเข้าประเทศแล้ว 6,819 คน กลับบ้านแล้ว 636 คน และอยู่ระหว่างการป้องกันโรค 6,183 คน ส่วนการฝ่าฝืนการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานเวลา 22.00 ถึง 04.00 น. พบผู้กระทำความผิดฝ่าฝืนออกนอกเคหสถาน 554 คน แบ่งเป็นตักเตือน 39 คนและดำเนินคดี 515 คน  มั่วสุมชุมนุม มีการฝ่าฝืน 107 คนโดยเป็นการดำเนินคดีทั้งหมด

พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ชี้แจงถึงการผ่อนคลายมาตรการ เพื่อให้กิจการบางประเภทที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และถูกสั่งปิดกลับมาเปิดกิจการได้ในวันนี้ (3 พ.ค.) เป็นวันแรกว่า ใน 2-3 วันที่ผ่านมา เกิดการเดินทางในประเทศจำนวนมาก ซึ่ง ศบค.และรัฐบาลไม่เคยแนะนำให้ประชาชนผ่อนคลายมาตรการในการเดินทางในเวลานี้ เพราะตามข้อห้ามในมาตรการตามสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังขอให้ประชาชนงดการเดินทางโดยไม่จำเป็น

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยังชี้แจงถึงมาตรการมาตรฐาน ที่ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาความสะอาด และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ว่า ขอให้ผู้ประกอบการ เข้มงวดกับมาตรการที่รัฐบาล และ ศบค.กำหนด เพราะหลังจากนี้จะมีเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจไปสุ่มตรวจ จึงขอความร่วมมือสถานประกอบการให้ความร่วมมือ และในแต่ละพื้นที่ รองรับประชาชนได้ 10 ตารางเมตร ต่อประชาชน 1 คน หากไม่ปฏิบัติตาม จะมีมาตรการจากเบาไปถึงหนัก ตั้งแต่การตักเตือน และสั่งปิด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า จะได้รับความปลอดภัยจากการผ่อนคลายมาตรการต่อไป  ส่วนการตั้งจุดตรวจหลังผ่อนคลายมาตรการนั้น จะมีการตั้งจุดตรวจ ที่จะเพิ่มความเข้มงวดนับจากนี้ไปอีก 28 วัน แม้จะมีการปรับลดจำนวนจุดตรวจตามพื้นที่ต่าง ๆ และเพิ่มการสุ่มตรวจมากขึ้น

ด้าน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า  ขณะนี้ยังมีมาตรการงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขต เว้นแต่มีความจำเป็นที่จะต้องแสดงหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ ให้เกิดความชัดเจน จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วย ซึ่งการกักตัว จะมีขึ้นเมื่อประชาชนกลับถึงปลายทางการเดินทางแล้ว แต่หากมีการพักค้างคืนระหว่างทาง หรือ พำนักเพียง 2-3 วันในระยะเวลาสั้น ๆ ก็จะมีการขอเก็บข้อมูล เพื่อเฝ้าระวังและติดตามโรคต่อไป

นายฉัตรชัย ยังกล่าวถึง กระแสข่าวที่จังหวัดภูเก็ตปล่อย ประชาชนออกมาจากพื้นที่เป็นจำนวนมากว่า มีการตรวจสอบไปแล้ว จังหวัดภูเก็ตมีทั้งสิ้น 17 ตำบล มีประชาชนที่เข้าไปทำงานกว่า 1 แสนคน และประสงค์ออกจากพื้นที่กว่าครึ่ง เนื่องจากไม่มีงานทำ ทางจังหวัดจึงคัดกรองตามมาตรฐานที่ให้ลงทะเบียนอย่างถูกต้อง ยืนยันแล้วว่า ไม่พบเชื้อ 14 ตำบล เหลืออีก 3 ตำบลที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์ รวมสติถิเมื่อเช้านี้ (3 พ.ค) เวลา 09.00 น. มีประชาชนทยอยออกจากพื้นที่แล้วกว่า 3, 600 คน โดยมีหลักฐานยืนยันตัวตนอย่างชัดเจน  ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานและ มาตรการของรัฐบาลด้วย นอกจากการร่วมมือกันทุกภาคส่วนแล้ว ยังขอให้ประชาชนคำนึงถึง ระเบียบของสังคม ป้องกันตนเองและผู้อื่น และยืนยันว่า รัฐบาลยังตรึงเวลาเคอร์ฟิว ห้ามออกจากเคหะสถานออกไปถึงสิ้นเดือนนี้เวลา 22.00น.-04.00 น. จึงขอให้ปฎิบัติอย่างเคร่งครัด

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขอความร่วมมือประชาชนชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด เพราะเป้าหมายต้องการให้ทุกคนอยู่บ้าน แต่หากมีความจำเป็นก็ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด  ระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งทางรถไฟ รถประจำทาง เครื่องบิน มีการคัดกรองตั่งแต่ต้นทางไปถึงปลายทาง วัดอุณหภูมิ หากมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าที่กำหนดก็จะไม่ให้เดินทาง และยังคงเข้มเรื่องการเว้นระยะห่าง ขายตั๋วตามจำนวน รวมถึงต้องสวมหน้ากากอนามัย 

นายชัยวัฒน์ ยังขอให้ผู้ที่ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ มั่นใจกับการเดินทาง เพราะมีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อทุกสถานีและสนามบิน รวมถึงพาหนะที่ประชาชนใช้บริการก็มีการทำความสะอาดทุกรอบทุกวัน รวมถึงเช็คสุขภาพอนามัยของเจ้าหน้าที่ให้บริการด้วย.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ลอบวางระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานี

ปัตตานี 8 มิ.ย. – คนร้ายลอบวางระเบิดกลางตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี รถจักรยานยนต์เสียหาย 2 คัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต วันที่ 8 มิ.ย.68 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก โดยจุดแรก วางระเบิดในถังขยะ หน้าร้านทอง บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน และจุดที่ 2 วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรม หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 15.00 น. ปรากฏข่าวสารว่า นายมะกอเซ็ง หม้าแอ สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ และสมาชิกจำนวน […]

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้