ศบค.แถลงพบผู้ป่วยใหม่ 3 ราย

ทำเนียบฯ 3 พ.ค.-  ศบค.แถลงพบผู้ป่วยใหม่ 3 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม เผยข่าวพบ 40 ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ยะลาผิดปกติ เร่งตรวจเชื้อซ้ำอีกรอบวันนี้ ขณะ ผบ.ทสส. ชี้พร้อมสั่งปิดร้านค้าที่ละเลยมาตรการสาธารณสุข ด้านมหาดไทย ย้ำรัฐบาลตรึงมาตรการห้ามเดินทางข้ามเขตจังหวัด ชี้จำเป็นต้องกักตัวที่ภูมิลำเนา ยันประชาชนจากภูเก็ตลงทะเบียนผ่านการคัดกรองแล้ว


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้ (3 พ.ค.) ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 3 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,969 ราย รักษาหาย 2,739 ราย รักษาตัวอยู่ 176 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 54 ราย

โฆษก ศบค. กล่าวว่า จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 3 ราย พบว่า มาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 2 ราย เป็นคนใน กทม.ทั้งคู่ และเป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย และเข้ากักกันตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ในจังหวัดนราธิวาส 1 ราย 


นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยอีกว่า ศบค.ได้สั่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเผยแพร่ว่ามีผู้ติดเชื้อกว่า 40 คนที่จังหวัดยะลา พบว่า เป็นการค้นหาผู้ติดเชื้อแบบเชิงรุก 311 คน ทราบผลตรวจตรวจเบื้องต้น มี 271 คนที่เป็นลบ และมี 40 คนที่ยืนยันในเบื้องต้นว่ามีผลเป็นบวก ซึ่งบางอำเภอผลพบเชื้อ 30.77 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าปกติ จึงน่าสงสัยได้ว่า กระบวนการตรวจนั้นถูกต้องหรือไม่ ดังนั้น จึงขอเวลาการเก็บตัวอย่างใหม่อีกครั้งในวันนี้ (3 พ.ค.) โดยคนที่มีผลตรวจเบื้องต้นว่า ติดเชื้อจะถูกกักตัวและตรวจซ้ำในมาตรฐานที่เชื่อถือได้  และจะแจ้งให้ทราบใหม่อีกครั้ง ยืนยัน จะไม่มีการปกปิด จะเสนอความจริงให้มากที่สุด 

โฆษก ศบค. กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังได้ออกมาเตือนทั่วโลก ว่า ต้องคลายล็อคอย่างช้า ๆ เตรียมรับโควิด-19 ที่จะพุ่งขึ้นอีกรอบ โดยเน้นดำเนินการป้องกันบุคคลที่มีความเสี่ยงในสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงสถานดูแลระยะยาวอย่างที่พักแรงงานต่างชาติ รวมถึงต้องตรวจหาเชื้อในกลุ่มผู้ต้องสงสัยอย่างต่อเนื่อง แม้จะสามารถควบคุมการระบาดไว้ได้แล้วก็ตาม

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนกลุ่มคนไทยที่เดินทางผ่านช่องทางอากาศวันนี้ (3 พ.ค.) เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศสเปน 45 คน เที่ยวบิน IB 2833 ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 18.55 น. ประเทศสิงคโปร์ 176 คน เที่ยวบิน SQ 976 ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา 17.25 น. ประเทศรัสเซีย 70 คน เที่ยวบิน SU 272 ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา 10:30 น และในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ค.) มีคนไทยเดินทางกลับจากมัลดีฟส์ จำนวน 125 คน เที่ยวบิน Q2 9350 ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา 15.15 น เขตปกครองพิเศษฮ่องกง 165 คน เที่ยวบิน we631 ที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลา 15.55 น รวมระหว่างวันที่ 4 เมษายนถึง 2 พฤษภาคม มีคนไทยเดินทางเข้าประเทศและทั้งสิ้น 3,981 คนใน 23 ประเทศ


โฆษก ศบค. กล่าวว่า สำหรับสถิติคนไทยเดินทางเข้าประเทศผ่านจุดแดนทางบก มีการลงทะเบียน 411 คน เดินทางเข้าประเทศรวม 590 คน เป็นเมียนมาร์ 15 คนมาเลเซีย 541 คน ลาว 10 คน กัมพูชา 24 คน รวมระหว่างวันที่ 18 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม 2563 มี มีการเดินทางกลับเข้าประเทศแล้ว 6,819 คน กลับบ้านแล้ว 636 คน และอยู่ระหว่างการป้องกันโรค 6,183 คน ส่วนการฝ่าฝืนการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานเวลา 22.00 ถึง 04.00 น. พบผู้กระทำความผิดฝ่าฝืนออกนอกเคหสถาน 554 คน แบ่งเป็นตักเตือน 39 คนและดำเนินคดี 515 คน  มั่วสุมชุมนุม มีการฝ่าฝืน 107 คนโดยเป็นการดำเนินคดีทั้งหมด

พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ชี้แจงถึงการผ่อนคลายมาตรการ เพื่อให้กิจการบางประเภทที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และถูกสั่งปิดกลับมาเปิดกิจการได้ในวันนี้ (3 พ.ค.) เป็นวันแรกว่า ใน 2-3 วันที่ผ่านมา เกิดการเดินทางในประเทศจำนวนมาก ซึ่ง ศบค.และรัฐบาลไม่เคยแนะนำให้ประชาชนผ่อนคลายมาตรการในการเดินทางในเวลานี้ เพราะตามข้อห้ามในมาตรการตามสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังขอให้ประชาชนงดการเดินทางโดยไม่จำเป็น

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยังชี้แจงถึงมาตรการมาตรฐาน ที่ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาความสะอาด และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ว่า ขอให้ผู้ประกอบการ เข้มงวดกับมาตรการที่รัฐบาล และ ศบค.กำหนด เพราะหลังจากนี้จะมีเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจไปสุ่มตรวจ จึงขอความร่วมมือสถานประกอบการให้ความร่วมมือ และในแต่ละพื้นที่ รองรับประชาชนได้ 10 ตารางเมตร ต่อประชาชน 1 คน หากไม่ปฏิบัติตาม จะมีมาตรการจากเบาไปถึงหนัก ตั้งแต่การตักเตือน และสั่งปิด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า จะได้รับความปลอดภัยจากการผ่อนคลายมาตรการต่อไป  ส่วนการตั้งจุดตรวจหลังผ่อนคลายมาตรการนั้น จะมีการตั้งจุดตรวจ ที่จะเพิ่มความเข้มงวดนับจากนี้ไปอีก 28 วัน แม้จะมีการปรับลดจำนวนจุดตรวจตามพื้นที่ต่าง ๆ และเพิ่มการสุ่มตรวจมากขึ้น

ด้าน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า  ขณะนี้ยังมีมาตรการงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขต เว้นแต่มีความจำเป็นที่จะต้องแสดงหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ ให้เกิดความชัดเจน จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วย ซึ่งการกักตัว จะมีขึ้นเมื่อประชาชนกลับถึงปลายทางการเดินทางแล้ว แต่หากมีการพักค้างคืนระหว่างทาง หรือ พำนักเพียง 2-3 วันในระยะเวลาสั้น ๆ ก็จะมีการขอเก็บข้อมูล เพื่อเฝ้าระวังและติดตามโรคต่อไป

นายฉัตรชัย ยังกล่าวถึง กระแสข่าวที่จังหวัดภูเก็ตปล่อย ประชาชนออกมาจากพื้นที่เป็นจำนวนมากว่า มีการตรวจสอบไปแล้ว จังหวัดภูเก็ตมีทั้งสิ้น 17 ตำบล มีประชาชนที่เข้าไปทำงานกว่า 1 แสนคน และประสงค์ออกจากพื้นที่กว่าครึ่ง เนื่องจากไม่มีงานทำ ทางจังหวัดจึงคัดกรองตามมาตรฐานที่ให้ลงทะเบียนอย่างถูกต้อง ยืนยันแล้วว่า ไม่พบเชื้อ 14 ตำบล เหลืออีก 3 ตำบลที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์ รวมสติถิเมื่อเช้านี้ (3 พ.ค) เวลา 09.00 น. มีประชาชนทยอยออกจากพื้นที่แล้วกว่า 3, 600 คน โดยมีหลักฐานยืนยันตัวตนอย่างชัดเจน  ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานและ มาตรการของรัฐบาลด้วย นอกจากการร่วมมือกันทุกภาคส่วนแล้ว ยังขอให้ประชาชนคำนึงถึง ระเบียบของสังคม ป้องกันตนเองและผู้อื่น และยืนยันว่า รัฐบาลยังตรึงเวลาเคอร์ฟิว ห้ามออกจากเคหะสถานออกไปถึงสิ้นเดือนนี้เวลา 22.00น.-04.00 น. จึงขอให้ปฎิบัติอย่างเคร่งครัด

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขอความร่วมมือประชาชนชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด เพราะเป้าหมายต้องการให้ทุกคนอยู่บ้าน แต่หากมีความจำเป็นก็ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด  ระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งทางรถไฟ รถประจำทาง เครื่องบิน มีการคัดกรองตั่งแต่ต้นทางไปถึงปลายทาง วัดอุณหภูมิ หากมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าที่กำหนดก็จะไม่ให้เดินทาง และยังคงเข้มเรื่องการเว้นระยะห่าง ขายตั๋วตามจำนวน รวมถึงต้องสวมหน้ากากอนามัย 

นายชัยวัฒน์ ยังขอให้ผู้ที่ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ มั่นใจกับการเดินทาง เพราะมีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อทุกสถานีและสนามบิน รวมถึงพาหนะที่ประชาชนใช้บริการก็มีการทำความสะอาดทุกรอบทุกวัน รวมถึงเช็คสุขภาพอนามัยของเจ้าหน้าที่ให้บริการด้วย.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เขมรยิงจรวดตกใส่ชาวบ้านกันทรลักษ์ เสียชีวิตอีก 1 ราย

ศรีสะเกษ 27 ก.ค. – ไม่เลือกเป้าหมาย! กัมพูชายิงจรวดตกใส่บ้านเรือนประชาชน ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านเสียชีวิตอีก 1 ราย บาดเจ็บ 1 คน ด้าน ผบ.ตร.ลงพื้นที่ศรีสะเกษ กำชับดูแลทรัพย์สินประชาชน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ทำหน้าที่แข็งขัน .-สำนักข่าวไทย

เหตุปะทะชายแดนสุรินทร์รุนแรง ขยายวงกว้าง ยอดอพยพเพิ่ม

สุรินทร์ 27 ก.ค. – สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาด้าน จ.สุรินทร์ มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้าง โดยเฉพาะด้านปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ทำให้มีผู้อพยพตามศูนย์พักพิงชั่วคราวพุ่งทะลุกว่า 50,000 คน เวลาราว 04.30 น. วันนี้มีการเปิดฉากปะทะกันอย่างหนัก ทั้งปืนเล็ก และปืนใหญ่ บริเวณปราสาทตาควาย ต่อด้วยปราสาทตาเมือนธม ที่อยู่ไม่ไกลกัน พื้นที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กระสุนจรวด BM 21 ตกใส่บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง ใกล้กัน ฟาร์มวัววากิว ยังมีวัวถูกสะเก็ดตาย 6 ตัว กระสุนยังตกกระจายตามทุ่งนารวม 9 ลูก ในพื้นที่ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท ส่วนตำบลตาเมียง และตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ก็มีกระสุนเข้าไปตกเป็นจำนวนมากเช่นกัน วิถีกระสุนที่มาตกไกลขึ้น ทำให้ศูนย์พักพิงชั่วคราวในตัวอำเภอปราสาทจังหวัดสุรินทร์ ต้องยุบเพิ่มเติมอีก 2 จุด ขณะที่ชาวอำเภอปราสาท ต่างแตกตื่นปิดบ้าน ปิดร้าน อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย ทำให้บรรยากาศในตลาดสดที่ปกติมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของจำนวนมาก วันนี้ลดลงถึง 80% โดยนายอำเภอปราสาท ให้ข้อมูลว่า […]

กต. ลั่นจะพูดคุยกัน เขมรต้องจริงใจก่อน ซัดพูดอย่างทำอย่าง แถมบิดเบือน

กระทรวงการต่างประเทศ 27 ก.ค.- กต. ขีดเส้นใต้ จะพูดคุยกันได้ “เขมร” ต้องจริงใจก่อน “นิกรเดช” ซัดพูดอย่างทำอย่าง นอกจากใช้พลเรือนเป็นโล่กำบังแล้ว ยังใช้โบราณสถานกำบังด้วย แถมบิดเบือน-สร้างข้อมูลเท็จ ผู้เชี่ยวชาญยังรู้เป็นภาพเก่า รับทราบพรุ่งนี้ “ภูมิธรรม” บินคุย “ฮุน มาเนต” หลัง “ทรัมป์” ต่อสายคุย เผย “มาริษ” ร่อนแล้ว เอกสารถึง UNICEF-OHCHR ยันกัมพูชาเริ่มก่อน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ข้อเสนอหยุดยิงตามที่หลายท่านคงทราบอยู่แล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 ก.ค.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยฝ่ายไทยได้ยืนยันอย่างหนักแน่นถึงจุดยืนของไทยในการแก้ไขปัญหาชายแดนกับกัมพูชาด้วยสันติวิธี โดยเฉพาะผ่านการเจรจาทวิภาคี ซึ่งฝ่ายไทยเราได้ย้ำมาโดยตลอดในทุกโอกาส ฝ่ายไทยจึงคาดหวังว่าจะเห็นความตั้งใจจริงจากกัมพูชา ในการยุติการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องการโจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมาย หากฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจและสุจริตใจในการแก้ไขปัญหา ฝ่ายไทยก็พร้อมจะหารือด้วย เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการและกระบวนการที่ชัดเจนอย่างสันติและยั่งยืน นายนิกรเดช กล่าวต่อว่า การโจมตีเป้าหมายพลเรือนโดยกองกำลังกัมพูชาบนแผ่นดินไทยเหตุการณ์เมื่อคืน กัมพูชาได้เปิดฉากโจมตีหลายจุดตามแนวชายแดนไทยอีกครั้ง […]

ทอ.ส่ง F-16 ทิ้งบอมบ์ หลังกัมพูชายิง BM-21 ตกฝั่งไทย

27 ก.ค. – กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 บอมบ์ถล่มพื้นที่เป้าหมาย หลังทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 หมู่ 4 ลำ ออกไปปฏิบัติภารกิจ บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยภารกิจสำเร็จลุล่วง พร้อมกลับฐานปฏิบัติอย่างปลอดภัย เพื่อสนับสนุนกำลังทางบก ปกป้องอธิปไตยของไทย ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก โพสต์เฟซบุ๊ก เพจกองทัพบก ระบุข้อความว่า กัมพูชายังมีการเคลื่อนไหว ด้วยการใช้อาวุธ ยิงสนับสนุนระยะไกล ยิงเข้ามาในฝั่งไทย บริเวณหน้าแนวมีการปะทะในหลายจุดอย่างต่อเนื่อง พบมีอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลไปตกนอกเขตพื้นที่เป้าหมายทางทหารจำนวนมากในจังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายไทยเรามีความจำเป็นจะต้องใช้ปฏิบัติการทางทหาร ดำเนินการตอบโต้ต่ออาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลอย่างเช่น จรวด และปืนใหญ่ ที่ยังคงยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้พี่น้องได้รับผลกระทบ หรือมีการสูญเสีย และเมื่อวานนี้ (26 ก.ค.68) เวลาประมาณ 15.30 น. […]