นนทบุรี 29 เม.ย. – GIT เปิดโต๊ะหารือสมาคมธนาคารไทย เร่งช่วยเอสเอ็มอีอัญมณีและเครื่องประดับ ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ มั่นใจธุรกิจฟื้น หลังโควิด-19 คลี่คลาย
นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ หรือ GITกล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลก ทำให้การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำฯ) ลดลงจากมาตรการล็อกดาวน์หลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่เป็นตลาดหลักสำคัญ อย่างจีน ฮ่องกง ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ทำให้ไม่สามารถส่งออกได้ รวมทั้งไม่มีนักท่องเที่ยวก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการค้าปลีก และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอย่างเร่งด่วน ทาง GIT ได้จัดประชุมร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สมาคมธนาคารไทย ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ และหน่วยงานด้านอัญมณีและเครื่องประดับเป็นการเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางสถาบันฯ ได้ประชุมร่วมกับสมาคมธนาคารไทยและตัวแทนภาคเอกชนในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ประกอบด้วย สมาคมผู้ส่งออกเครื่องประดับเงินไทย สมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี เบื้องต้นสมาคมธนาคารไทยชี้แจงว่าผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับสามารถขอสินเชื่อซอฟท์โลนที่เป็นสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ไม่คิดดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรก โดยผู้ประกอบการต้องเป็นลูกค้าของธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารของรัฐ และมีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารแต่ละแห่งไม่เกิน 500 ล้านบาท มีสถานะผ่อนชำระปกติ หรือค้างชำระไม่เกิน 90 วัน (ยังไม่เป็น NPL) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 โดยให้แจ้งความประสงค์ต่อธนาคารที่มีวงเงินสินเชื่ออยู่
นอกจากนี้ ยังมีโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานจากกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับดูแลลูกจ้างในช่วงที่หยุดกิจการชั่วคราว โดยสถานประกอบการที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันจะได้รับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี คงที่ 3 ปี ส่วนสถานประกอบการที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือใช้บุคคลค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 5 ต่อปี คงที่ 3 ปี โดยจะต้องเป็นสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมและจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน และต้องรักษาการจ้างงานผู้ประกันตนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ตลอดอายุโครงการ 3 ปี
ทั้งนี้ ความช่วยเหลือด้านการเงินระยะสั้นและระยะยาวสามารถนำอัญมณี ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจในการขอสินเชื่อให้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมทั้งการเข้าถึงสินเชื่อซอฟท์โลนช่วยเหลือผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจให้เข้าถึงเงินทุนหมุนเวียนของสถาบันการเงินได้ เพราะอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยถือเป็นสินค้าสำคัญที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศสูงเป็นอันดับ 2 และเมื่อรวมกับมูลค่าการค้าภายในประเทศจะก่อให้เกิดเม็ดเงินถึงปีละเกือบ 1 ล้านล้านบาท โดยมีผู้ประกอบการส่วนมากเป็นเอสเอ็มอีอยู่ถึง 11,800 ราย ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานกว่า 1 ล้านคน ซึ่งแต่ละคนมีประสบการณ์มากกว่า 40-50 ปี ทำให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยมีความเฉพาะตัวเลียนแบบยากต่างชาติไม่สามารถทำได้ ดังนั้น จึงต้องมีมาตรการเร่งด่วนในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพื่อรักษาฐานการผลิตให้อยู่ในประเทศยั่งยืนยาวได้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย
