ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา” ปลื้มนักดื่ม 48.5 %หยุดดื่ม ลดเสี่ยงโควิด -19

กรุงเทพฯ24 เม.ย..-“ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา” ปลื้มนักดื่ม ร้อยละ48.5 หยุดดื่ม ลดเสี่ยงโควิ -19 ชี้คนไทยส่วนใหญ่รู้ว่าการดื่มเหล้าเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิดและทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น ด้านแกนนำชวนคนเลิกเหล้า แนะ ใช้โอกาสนี้ลด ละ เลิก เก็บเงินไว้ใช้ยามจำเป็น  


ศ.พญ.สาวิตรี   อัษณางค์กรชัย  คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา กล่าวว่า จากการสำรวจประชาชนใน 15 จังหวัดทั่วประเทศ  จากกลุ่มตัวอย่าง 1,566 คน ซึ่งมีสัดส่วนหญิงชายเท่ากัน ในทุกกลุ่มอายุ อาชีพ ระดับการศึกษา  พบว่า ในช่วง 30 วันที่ผ่านมานี้ นักดื่มสุราเกือบครึ่ง (ร้อยละ 48.5) ไม่ได้ดื่มเลย  ร้อยละ 33.0 ดื่มน้อยลง  ขณะที่ร้อยละ18.2 ดื่มเท่าเดิม และมีเพียงร้อยละ0.3 ที่ดื่มบ่อยขึ้น เหตุผลหลักที่ทำให้นักดื่มเหล่านี้หยุดดื่มหรือดื่มน้อยลง คือ หาซื้อไม่ได้/ ซื้อยาก กลัวเสี่ยงติดเชื้อ รายได้น้อยลง/ ไม่มีเงินซื้อ และต้องการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ดื่มเท่าเดิมหรือเพิ่มมากขึ้นบอกเหตุผลว่า เพราะชอบดื่มสังสรรค์ และมีคนชวนดื่มจึงขัดไม่ได้ รวมทั้งเพราะเครียดและมีเวลาว่างมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ (ร้อยละ 77.1) ดื่มที่บ้าน หรือที่พักของตัวเอง และกว่า 1 ใน 3 (ร้อยละ37.0) ดื่มกับคนในครอบครัว โดยตัวอย่างร้อยละ 35.8 ระบุว่าได้ซื้อเครื่องดื่มฯตุนไว้ก่อนที่จะมีประกาศห้ามขาย ที่น่าสังเกตุคือ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ตุนไว้ก่อน มีถึงร้อยละ 16.2 ยังหาซื้อได้จากร้านขายของชำในชุมชน/ หมู่บ้าน นอกจากนี้ ร้อยละ15.7 ระบุว่ายังพบเห็นการดื่มสังสรรค์ในชุมชน/ หมู่บ้าน และร้อยละ 5.8 ยังพบเห็นว่ามีการขายในชุมชน/ หมู่บ้าน ในช่วงวันที่ประกาศห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

  ศ.ดร.พญ.สาวิตรี  กล่าวว่า  เมื่อสอบถามถึงการได้รับความเดือดร้อนในช่วงการระบาดของโควิด-19 ตัวอย่างร้อยละ 67.8 ระบุว่าสูญเสียรายได้ ร้อยละ 53.5 ระบุมีความยากลำบากในการทำงาน/ ประกอบอาชีพ และร้อยละ 32.8 ระบุยากลำบากในการกินอยู่ ที่น่าพิจารณาคือร้อยละ 26.4 มีความเครียด วิตกกังวล ร้อยละ 24.9 มีค่าครองชีพ/ค่าใช้จ่ายเพิ่ม รวมถึงร้อยละ 12.1 ตกงาน/ ถูกเลิกจ้าง มีเพียงส่วนน้อย (ร้อยละ 9.1) ที่ไม่ได้รับความเดือดร้อนใดๆ


ในทางตรงข้าม หากสอบถามถึงความเดือดร้อนในช่วงห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่าตัวอย่างประมาณร้อยละ 90.5 ระบุไม่ได้รับความเดือดร้อนใดๆ มีเพียงร้อยละ5.9 เดือดร้อนจากการไม่ได้ดื่มสังสรรค์ ร้อยละ3.6 เสียรายได้จากการขาย หรือเสียรายได้จากการปิดร้านอาหาร/ สถานบันเทิง และมีร้อยละ0.3 หรือ 5 รายจากตัวอย่างทั้งหมดที่มีอาการถอนพิษเหล้า นอกจากนั้น จากการสำรวจยังพบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่ (ร้อยละ 73.6) ทราบว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 และร้อยละ77.6 ทราบว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นการทำลายภูมิต้านทานของร่างกาย อาจทำให้ติดเชื้อได้ง่าย และอาจป่วยรุนแรง

  

ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่ามาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19นี้อาจมีส่วนดีในการช่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงที่สำคัญอันหนึ่งของคนไทยลง และประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงนี้ รวมทั้งประชาชนจำนวนมากมีความรู้เกี่ยวกับผลกระทบทางสุขภาพจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อการติดเชื้อโควิด-19”ศ.พญ.สาวิตรี กล่าว


ด้าน นายวันชัย เหี้ยมหาญ ผู้ประสานงานเครือข่ายงดเหล้าภาคตะวันตก และผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 บ้านหนองกอก ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี  กล่าวว่า เมื่อมีการห้ามขายเหล้าของจังหวัดในวันที่  11 เมษายน 2563  ตนเองพร้อมผู้ช่วยฯ อสม. ได้สำรวจผู้ดื่มในชุมชน พบว่ามี 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ติดหนัก จำนวน 7 ราย กลุ่มที่ดื่มแบบคึกคะนอง มักสร้างปัญหาจำนวน 16 ราย กลุ่มที่ดื่มในบ้าน กินก่อนอาหารก่อนนอน ก่อนไปทำงาน จำนวน 26 ราย และกลุ่มที่ดื่มบางครั้งตามโอกาส ดื่มในงาน   ซึ่งคณะทำงานได้เฝ้าระวังอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ติดสุรา โดยได้คุยกับญาติไว้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไรเมื่อเกิดภาวะเสี้ยนเหล้า เช่น เหงื่อออก มือสั่น เพ้อคลั่ง จะมีอาการเป็นลม ต้องการมีเหล้าตุนไว้ แต่ก็ขอร้องให้ผู้ดื่มลดละในช่วงนี้ พบว่ามี 1 รายที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานอยู่แล้วใช้โอกาสนี้งดดื่มไปกว่า 10 วัน คาดว่าจะสามารถเลิกได้ต่อไป แต่ต้องมีการติดตามให้กำลังใจ ส่วนรายอื่นๆ ยังไม่สามารถงดได้ ญาติต้องคอยดูแล ส่วนกลุ่มที่มักสร้างความเดือดร้อนคึกคะนอง  ตอนนี้ไม่มีการตั้งวงดื่มตามศาลาเหมือนแต่ก่อน และปกติถ้าช่วงนี้จะมีงานบวชประจำปีมักมีการเลี้ยงเหล้าเกิดปัญหาความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งกลุ่มนี้มักจะเป็นต้นเรื่อง ปีนี้งดงานบวชทำให้ไม่เกิดปัญหาขึ้นมาเหมือนทุกปี  

“จากการติดตามสอบถามคนในชุมชน มีเด็กบอกว่าพ่อไม่กินเหล้าทำให้ไม่ต้องมาทะเลาะกับแม่ ยายก็ไม่ต้องร้องไห้ ส่วนร้านค้าในชุมชนก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร เพราะกำไรจากเหล้าเบียร์ไม่ได้มาก ยังขายของอื่นได้ตามปกติ แถมได้นอนหลับสนิทเพราะไม่ต้องถูกเคาะประตูเรียกให้มาขายเหล้าตอนดึก  หากมีการเปิดให้ซื้อขายเหล้าเบียร์ได้อีกครั้งต้องค่อยๆ เปิดและจำกัดเวลาจำกัดปริมาณเพื่อไม่ให้มีการกลับมาตั้งวง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดอีก  ควรใช้โอกาสนี้ในการลด ละ เลิก เก็บเงินไว้ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นดีกว่า” นายวันชัย  กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]