“พล.อ.ประวิตร” ห่วงภัยแล้งสั่งบูรณาการขจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ

สำนักข่าวไทย 24 เม.ย.- “พล.อ.ประวิตร” คอนเฟอเรนซ์สั่งหน่วยงานบูรณาการกำจัดผักตบชวาและวัชพืช เปิดทางระบายน้ำช่วยแก้แล้ง


วันนี้ (24 เม.ย.) เวลา 10.00 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคอนเฟอเรนซ์ แผนการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชเพื่อเตรียมการรับน้ำหลากในฤดูฝน ปี 2563 ครั้งที่ 1/2563 ณ ห้องประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ชั้น 4 อาคารจุฑามาศ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทยกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า กองทัพบก สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (GISTDA) พร้อมทั้งได้ประชุมผ่านระบบ Video Conference ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง ประกอบด้วย จังหวัดปทุมธานี นครปฐม นครนายก ฉะเชิงเทรา สุพรรณบุรี สิงห์บุรี สมุทรสาคร อ่างทอง ชัยนาท และพระนครศรีอยุธยา



พลเอกประวิตร  กล่าวว่า ผักตบชวาและวัชพืชในแม่น้ำจัดเป็นสิ่งกีดขวางทางน้ำที่เป็นอุปสรรคในการเร่งระบายน้ำทั้งในฤดูแล้งและฤดูฝน ที่สำคัญที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหานี้มาโดยตลอดและมีการติดต่อผลการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง  เช่นเดียวกับการประชุมในวันนี้เพื่อติดตามแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาผักตบชวาและวัชพืชในแม่น้ำสายหลักและแหล่งน้ำที่สำคัญของประเทศ รวมทั้งผลการดำเนินการ ประจำปี 2562 และ 2563 แและเพื่อพิจารณาการเตรียมความพร้อมในการรับน้ำหลากช่วงฤดูฝน ปี 2563 ซึ่งได้มอบหมายให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการ  บูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาผักตบชวา เป็นผู้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนภายใต้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมจาก GISTDA ที่แสดงการสะสมของผักตบชวาและวัชพืชในแม่น้ำสายหลักและแหล่งน้ำเชื่อมโยง จำนวน 25 จุด ให้หน่วยงานรับผิดชอบหลัก จำนวน 4 หน่วยงานเพื่อจัดทำแผนดำเนินการก่อนฤดูฝน ได้แก่ 1. กรมชลประทาน จำนวน 16 จุด  2. กรมเจ้าท่า จำนวน 4 จุด 3. กรมโยธาธิการและผังเมือง จำนวน 3 จุด และ 4.กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น  จำนวน 2 จุด โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดังกล่าวเร่งรัดดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝนนี้ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำชับนายอำเภอในพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำ ให้เร่งรัดติดตามการจัดเก็บผักตบชวาในแหล่งน้ำด้วยเรือท้องแบนที่ได้จัดซื้อให้ โดยขอให้ท้องถิ่นมีการจัดเก็บทุกวันอย่างต่อเนื่อง และรวบรวมผลการดำเนินงานให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ทราบทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน ส่วนการดำเนินการของชมรมคนริมน้ำขอให้นายอำเภอไปทำการส่งเสริมสนับสนุนให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องอีกด้วย


รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมวันนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาครั้งต่อไป ด้วยการนำข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมของ GISTDA มาบูรณาการให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบนำไปวางแผนและแก้ปัญหาผักตบชวาและวัชพืชอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีความสะดวก รวดเร็ว และคล่องตัวในการปฏิบัติงาน ทั้งยังสามารถประหยัดงบประมาณในการสำรวจการสะสมของผักตบชวาและวัชพืชในแหล่งน้ำต่างๆ โดยขอให้ GISTDA ส่งข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมการสะสมของผักตบชวาและวัชพืชในแหล่งน้ำต่าง ๆ เขตลุ่มน้ำภาคกลาง ให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ทุก 15 วันเพื่อแจ้งให้หน่วยงานรับผิดชอบหลักนำไปจัดทำแผนดำเนินการ ทั้งนี้ ให้ทั้งสองหน่วยงานประสานการแบ่งปันข้อมูลร่วมกันและรายงานผลให้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติทราบต่อไป

ด้านนายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการอำนวยการบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาผักตบชวา ได้แบ่งพื้นที่ดำเนินการเป็น 2 ส่วน  คือ พื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลางและพื้นที่แหล่งน้ำปิดและแหล่งน้ำเชื่อมโยง โดยพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลางมี 4 หน่วยงานหลักรับผิดชอบ ได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง  รับผิดชอบในแม่น้ำท่าจีน (ตั้งแต่ประตูระบายน้ำโพธิ์พระยาลงมา) และแม่น้ำแม่กลอง   กรมชลประทาน รับผิดชอบในแม่น้ำเจ้าพระยา (เหนือเขื่อนเจ้าพระยา) แม่น้ำท่าจีน (ตั้งแต่ประตูระบายน้ำพลเทพถึงประตูระบายน้ำโพธิ์พระยา) แม่น้ำน้อย (ตั้งแต่ประตูระบายน้ำบรมธาตุ ถึง ประตูระบายน้ำเจ้าเจ็ด)แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำนครนายก และแม่น้ำบางปะกง  กรมเจ้าท่า รับผิดชอบในแม่น้ำเจ้าพระยา (จากเขื่อนเจ้าพระยา ถึงกรุงเทพฯ) แม่น้ำน้อย (ตั้งแต่ประตูระบายน้ำเจ้าเจ็ดเชื่อมถึงแม่น้ำเจ้าพระยา) แม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำสะแกกรัง และกรุงเทพมหานคร รับผิดชอบในแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพฯ รวมถึงคลองสาขาในเขตกรุงเทพฯ ส่วนแหล่งน้ำปิดและแหล่งน้ำเชื่อมโยงทั่วประเทศให้บูรณาการร่วมกันระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่กับหน่วยงานหลักที่มีเครื่องจักร ได้แก่ อปท, ชป, จท, ยผ, หน่วยงานทหาร ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้จัดหาเรือท้องแบนแบบติดเครื่องยนต์ จำนวน 790 ลำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใช้ในการกำจัดผักตบชวา และกรมการปกครอง ได้จัดตั้งชมรมคนริมน้ำจำนวน 7,608 ชมรม มีสมาชิกจำนวน 1,424,050 คน 

สำหรับปีงบประมาณ 2562 มีผลการดำเนินการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชทั่วประเทศของทุกหน่วยงานร่วมกัน สามารถกำจัดได้ทั้งหมด 4,646,622 ตัน และปีงบประมาณ 2563  ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 – 17 เมษายน 2563 สามารถกำจัดได้แล้ว จำนวน 1,411,156 ตัน ทั้งนี้ การกำจัดผักตบชวาและวัชพืชเป็นหนึ่งในมาตรการในการบริหารจัดการน้ำควบคู่กับมาตรการอื่น ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการเปิดทางน้ำ ให้น้ำสามารถไหลเวียน การบริหารจัดการน้ำทำได้สะดวกทั้งในฤดูแล้งและฤดูฝน อีกทั้งยังเป็นการรักษาคุณภาพน้ำในแม่น้ำและแหล่งน้ำให้อยู่ในค่ามาตรฐานอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย