ศบค.เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 27 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม

ทำเนียบฯ 20 เม.ย.- ศบค. เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 27 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม  นายกฯ ระบุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังจำเป็นต่อสถานการณ์ โดย ครม. เตรียมหารือผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เสนอการดูแลควบคุมและศึกษาตัวอย่างจากต่างประเทศนำมาปรับใช้ เผยมีคนไทยแจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับจากต่างประเทศ หลังวันที่ 30 เมษายน จำนวน 8,998 คน


นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่าวันนี้ (20 เม.ย.)ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 27 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,792 ราย รักษาหาย 1,999 ราย รักษาตัวอยู่ 746 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม จึงทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตคงเดิมรวม 47 ราย

ทั้งนี้จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 27 ราย พบว่ามาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 16 ราย ไปสถานที่ชุมนุมชน 2 ราย ไม่มีบุคลากรทางการแพทย์ อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 8 ราย  และเป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ คือประเทศอังกฤษและอยู่ในสถานที่กักกัน 1 ราย ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,792 ราย พบใน 5 จังหวัดที่สูงที่สุดได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,440 ราย ภูเก็ต 192 ราย นนทบุรี 151 ราย สมุทรปราการ 108 ราย ยะลา 101 ราย และเมื่อจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน พบว่า จังหวัดภูเก็ต มีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 46.44 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 25.39 ยะลา ร้อยละ 18.90 ปัตตานี ร้อยละ 12.47 และนนทบุรี ร้อยละ 12.02  และขณะที่ 9 จังหวัดคงเดิม ที่ยังไม่มีรายงานการรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และอ่างทอง


นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า มี 35 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยใหม่ ในช่วง 14 วันที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 5-18 เมษายน ได้แก่ เชียงราย เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี จันทบุรี  นครนายก บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ราชบุรี ลพบุรี ลำพูน ศรีสะเกษ สมุทรสงคราม สระบุรี สุโขทัย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์  อุทัยธานี หนองคาย กาฬสินธุ์ ระยอง ตาก ประจวบคีรีขันธ์ อยุธยา สกลนคร สุรินทร์ สระแก้วและอุบลราชธานี 

ขณะที่แนวโน้มตัวเลขผู้ป่วยในกรุงเทพมหานครและนนทบุรี แนวโน้มลดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังสูงอยู่ เมื่อเปรียบเทียบในพื้นที่ต่างจังหวัด ดังนั้นยังมีความน่ากังวลอยู่ โดยกลุ่มผู้ป่วยที่พบมากที่สุดอยู่ในช่วงอายุ 20- 29 ปี และจำนวนผู้ป่วยยืนยันตามปัจจัยเสี่ยง ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคมถึง 25 เมษายน พบว่ากลุ่มที่สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ มีมากที่สุด 843 ราย คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 221 ราย อาชีพเสี่ยง 186 ราย ผู้ป่วยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 67 รายและไปสถานที่ชุมนุมชน 57 ราย

ทั้งนี้ มีรายงานว่า มีคนไทยที่แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับจากต่างประเทศ หลังวันที่ 30 เมษายน จำนวน 8,998 คน และ เมื่อมีการเปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้าในวันที่ 25 เมษายน คาดว่าจะมีคนมาลงทะเบียนเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้มีผู้แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับจาก 14 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา 1,950 คนออสเตรเลีย 786 คน นิวซีแลนด์กว่า 600 คนอินเดียกว่า 600 คน ญี่ปุ่น 280 คนซาอุดิอาระเบีย 290 คน เมียนมาร์กว่า 600 คน โดยยืนยันทุกอย่างจะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนและมาตรการให้ถูกต้อง


นอกจากนี้ มีผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว โดยมีประชาชนออกนอกเคหสถาน 660 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน 86 ราย โดยจังหวัดที่มีการฝ่าฝืนกฎหมายมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ปทุมธานี ภูเก็ต สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร และนครราชสีมา อยากขอทุกคนให้ความร่วมมืออย่าฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะตัวเลขเหล่านี้จะบอกได้ว่า หากมีการชุมนุมมั่วสุมกัน ก็จะมีความเชื่อมโยงในการ พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่เพิ่มมากขึ้น 

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ได้ประชุมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ชื่นชมประชาชนและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยกัน ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ลดลงและขอให้ หัวหน้าส่วนราชการดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและเบี้ยเลี้ยงกับผู้ปฏิบัติงานทุกคนอย่างเต็มที่ 

ส่วนประเด็นเรื่องของพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน(พ.ร.ก.ฉุกเฉิน)นั้น นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า  นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังมีความจำเป็นในสถานการณ์นี้  ซึ่งรัฐบาลจะหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระถัดไป ในส่วนของการมีมาตรการผ่อนคลายนั้น จะต้องมีมาตรการออกมาก่อน จึงมอบหมายให้ส่วนราชการและผู้ประกอบการต่าง ๆ ไปปรึกษาหารือและเสนอมาว่าจะมีมาตรการอย่างไร โดยการจัดระบบต้องปลอดภัยและจะต้องดูแลเฉพาะกลุ่มอาชีพต่าง ๆ และสถานที่ให้ครอบคลุมด้วย เช่น สนามกีฬา ตลาดสด ขณะเดียวกันต้องศึกษาเรียนรู้จากต่างประเทศ ที่ได้ผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ แล้วว่ามีการดำเนินการอย่างไร แล้วนำมาปรับใช้ให้เกิดความสมดุลเหมาะสม ทั้งปัญหาด้านการติดเชื้อโควิด-19 กับปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประชาชน 

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุข  ได้รายงานการคาดการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ตามหลักการการคำนวณทางระบาดวิทยา พบว่า จากสถานการณ์ในปัจจุบันการติดเชื้ออยู่ในอัตรา  1 ต่อ 1.2 คน คือประมาณ 200 คนต่อสัปดาห์ และคาดว่าในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ หากควบคุมได้ดี ตัวเลขจะค่อย ๆ ลดลงเหลือ 22 คนต่อสัปดาห์ แต่หากควบคุมไม่ดี การติดเชื้ออาจจะเพิ่มเป็น 1 ต่อ 1.8  คน ทำให้ช่วงระหว่างวันที่ 20-26 เมษายน คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อประมาณ  336 คน แต่หากควบคุมไม่ดี จะทำให้ช่วง 22-28 มิถุนายน ตัวเลขอาจเพิ่มสูงขึ้นถึง 2,419 รายต่อสัปดาห์ ดังนั้น จึงจะเพิ่มมาตรการค้นหาเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงคือผู้ใช้แรงงานและชุมชนต่าง ๆ เพื่อลดจำนวนการแพร่เชื้อ  การติดตามหาผู้สัมผัสให้พบ การค้นหาผู้ป่วยในพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง และการป้องกันการแพร่เชื้อในโรงพยาบาล 

โฆษก ศบค. กล่าวว่า ปลัดกระทรวงมาไทยได้รายงานว่า ได้จัดเตรียมสถานที่กักกันที่ภาครัฐจัดหาให้ทั่วประเทศ  796 แห่ง รองรับคนได้ 2,0941 คน โดยขณะนี้มีผู้เข้าพัก 2,339 คน ยังรองรับได้อีก นอกจากนี้ยังมีในส่วนของกระทรวงกลาโหมที่จัดหาสถานที่รองรับไว้.-สำนักข่าวไทย          

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ลั่นเอาผิดถึงที่สุดคดีสีกากอล์ฟ เรื่องนี้ไม่จบง่าย

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. – “ภูมิธรรม” ประสานดีเอสไอช่วยตำรวจสอบสวนกลาง ทำคดีสีกากอล์ฟ ลั่นเรื่องนี้ไม่จบง่าย เอาผิดถึงที่สุด เพราะมีลักษณะบ่อนทำลาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินคดีเอาผิดสีกากอล์ฟ และพระสงฆ์ที่เกี่ยวข้อง ว่า จะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เข้าไปช่วยดู เพราะคดีนี้สั่นสะเทือนความรู้สึกของประชาชน กระทบความมั่นคงในแง่ของพุทธศาสนา ซึ่งเป็นหลักของประเทศ โดยเมื่อเช้านี้ตนได้พูดคุยกับอธิบดีดีเอสไอ ให้ช่วยเข้าไปดู หรือมีอะไรที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้กับตำรวจที่ทำหน้าที่อยู่แล้ว ซึ่งอธิบดีดีเอสไอก็รับเรื่องไปพิจารณาดำเนินการ และยังได้คุยโทรศัพท์กับ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งอยู่ระหว่างติดราชการต่างประเทศ โดยตนได้กำชับว่าเรื่องนี้ต้องจริงจัง ต้องเริ่มต้นด้วยการตั้งข้อหาสีกากอล์ฟให้ชัดเจนมากขึ้น และให้ประสานงานกับทางดีเอสไอ ซึ่ง พลตำรวจโท จินภพ ยินดี เพราะเป็นเรื่องที่ต้องการทำอยู่แล้ว เนื่องจากกระทบกับพุทธศาสนา และให้รายงานตนด้วย โดยเรื่องนี้จะไม่ปล่อยผ่านเฉยๆ และย้ำว่าได้กำชับกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้ การที่ให้ดีเอสไอเข้ามาช่วยดูคดี ไม่ได้หมายความว่าให้โอนคดีไปที่ดีเอสไอ แต่ให้มาช่วยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางดู โดยหลักการจะให้ตำรวจสอบสวนกลางทำคดีต่อไป ส่วนดีเอสไอมีอะไรเสริมได้ก็จะดี เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาคดีที่เกี่ยวกับสงฆ์ […]

ตร.ไซเบอร์หอบสำนวนคดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” มอบอัยการสูงสุด

14 ก.ค.- ตำรวจไซเบอร์หอบสำนวน 50 หน้า ส่งมอบให้อัยการสูงสุด ดำเนินคดี “คลิปเสียงฮุนเซน” ผิดม.116 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ขณะที่โฆษกอัยการรับต้องละเอียดรอบคอบ เกี่ยวข้องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ผ่านมาไม่เคยมีการสั่งฟ้องผู้นำประเทศมาก่อน พลตำรวจตรีศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 นำสำนวนคดีคลิปเสียงฮุนเซน ประมาณ 50 หน้า พร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง มอบให้พนักงานอัยการสูงสุด จากกรณีที่ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีกับผู้ใช้บัญชี เฟซบุ๊กชื่อ “Samdech Hun Sen of Cambodia” ซึ่งมีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา พลตำรวจตรีศิริวัฒน์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า เพจ Facebook สมเด็จฮุน เซน มีลักษณะการโพสต์ข้อความที่เป็นขั้นเป็นตอน […]

“แพทองธาร” ถกต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์ ดัน 5 ยุทธศาสตร์

บ้านพิษณุโลก 14 ก.ค.- “แพทองธาร” เข้าบ้านพิษณุโลก หารือบีโอไอ – ทีมซอฟต์พาวเวอร์ไทย หนุนลงทุน พร้อมต่อยอด ดัน 5 ยุทธศาสตร์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางเข้าบ้านพิษณุโลก ในเวลา 09.50 น. เพื่อประชุมกับทีมที่ปรึกษาและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI รวมถึงหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับและขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ไทยแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเป็นการหารือต่อยอดจากที่นางสาวแพทองธาร ได้ประกาศเดินหน้ายุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ไทย 5 ด้าน ทั้ง อาหารไทย มวยไทย ไทยเวลเน็ต ภาพยนต์ไทย และอัญมนี บนเวที Splash Softpower Forum 2025 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เมื่อวันที่ 8-11 ก.ค. ที่ผ่านมา .-316 -สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 14 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร […]