ศบค.เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 27 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม

ทำเนียบฯ 20 เม.ย.- ศบค. เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 27 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม  นายกฯ ระบุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังจำเป็นต่อสถานการณ์ โดย ครม. เตรียมหารือผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เสนอการดูแลควบคุมและศึกษาตัวอย่างจากต่างประเทศนำมาปรับใช้ เผยมีคนไทยแจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับจากต่างประเทศ หลังวันที่ 30 เมษายน จำนวน 8,998 คน


นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่าวันนี้ (20 เม.ย.)ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 27 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,792 ราย รักษาหาย 1,999 ราย รักษาตัวอยู่ 746 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม จึงทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตคงเดิมรวม 47 ราย

ทั้งนี้จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 27 ราย พบว่ามาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 16 ราย ไปสถานที่ชุมนุมชน 2 ราย ไม่มีบุคลากรทางการแพทย์ อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 8 ราย  และเป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ คือประเทศอังกฤษและอยู่ในสถานที่กักกัน 1 ราย ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,792 ราย พบใน 5 จังหวัดที่สูงที่สุดได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,440 ราย ภูเก็ต 192 ราย นนทบุรี 151 ราย สมุทรปราการ 108 ราย ยะลา 101 ราย และเมื่อจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน พบว่า จังหวัดภูเก็ต มีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 46.44 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 25.39 ยะลา ร้อยละ 18.90 ปัตตานี ร้อยละ 12.47 และนนทบุรี ร้อยละ 12.02  และขณะที่ 9 จังหวัดคงเดิม ที่ยังไม่มีรายงานการรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และอ่างทอง


นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า มี 35 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยใหม่ ในช่วง 14 วันที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 5-18 เมษายน ได้แก่ เชียงราย เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี จันทบุรี  นครนายก บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ราชบุรี ลพบุรี ลำพูน ศรีสะเกษ สมุทรสงคราม สระบุรี สุโขทัย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์  อุทัยธานี หนองคาย กาฬสินธุ์ ระยอง ตาก ประจวบคีรีขันธ์ อยุธยา สกลนคร สุรินทร์ สระแก้วและอุบลราชธานี 

ขณะที่แนวโน้มตัวเลขผู้ป่วยในกรุงเทพมหานครและนนทบุรี แนวโน้มลดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังสูงอยู่ เมื่อเปรียบเทียบในพื้นที่ต่างจังหวัด ดังนั้นยังมีความน่ากังวลอยู่ โดยกลุ่มผู้ป่วยที่พบมากที่สุดอยู่ในช่วงอายุ 20- 29 ปี และจำนวนผู้ป่วยยืนยันตามปัจจัยเสี่ยง ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคมถึง 25 เมษายน พบว่ากลุ่มที่สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ มีมากที่สุด 843 ราย คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 221 ราย อาชีพเสี่ยง 186 ราย ผู้ป่วยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 67 รายและไปสถานที่ชุมนุมชน 57 ราย

ทั้งนี้ มีรายงานว่า มีคนไทยที่แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับจากต่างประเทศ หลังวันที่ 30 เมษายน จำนวน 8,998 คน และ เมื่อมีการเปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้าในวันที่ 25 เมษายน คาดว่าจะมีคนมาลงทะเบียนเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้มีผู้แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับจาก 14 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา 1,950 คนออสเตรเลีย 786 คน นิวซีแลนด์กว่า 600 คนอินเดียกว่า 600 คน ญี่ปุ่น 280 คนซาอุดิอาระเบีย 290 คน เมียนมาร์กว่า 600 คน โดยยืนยันทุกอย่างจะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนและมาตรการให้ถูกต้อง


นอกจากนี้ มีผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว โดยมีประชาชนออกนอกเคหสถาน 660 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน 86 ราย โดยจังหวัดที่มีการฝ่าฝืนกฎหมายมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ปทุมธานี ภูเก็ต สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร และนครราชสีมา อยากขอทุกคนให้ความร่วมมืออย่าฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะตัวเลขเหล่านี้จะบอกได้ว่า หากมีการชุมนุมมั่วสุมกัน ก็จะมีความเชื่อมโยงในการ พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่เพิ่มมากขึ้น 

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ได้ประชุมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ชื่นชมประชาชนและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยกัน ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ลดลงและขอให้ หัวหน้าส่วนราชการดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและเบี้ยเลี้ยงกับผู้ปฏิบัติงานทุกคนอย่างเต็มที่ 

ส่วนประเด็นเรื่องของพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน(พ.ร.ก.ฉุกเฉิน)นั้น นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า  นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังมีความจำเป็นในสถานการณ์นี้  ซึ่งรัฐบาลจะหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระถัดไป ในส่วนของการมีมาตรการผ่อนคลายนั้น จะต้องมีมาตรการออกมาก่อน จึงมอบหมายให้ส่วนราชการและผู้ประกอบการต่าง ๆ ไปปรึกษาหารือและเสนอมาว่าจะมีมาตรการอย่างไร โดยการจัดระบบต้องปลอดภัยและจะต้องดูแลเฉพาะกลุ่มอาชีพต่าง ๆ และสถานที่ให้ครอบคลุมด้วย เช่น สนามกีฬา ตลาดสด ขณะเดียวกันต้องศึกษาเรียนรู้จากต่างประเทศ ที่ได้ผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ แล้วว่ามีการดำเนินการอย่างไร แล้วนำมาปรับใช้ให้เกิดความสมดุลเหมาะสม ทั้งปัญหาด้านการติดเชื้อโควิด-19 กับปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประชาชน 

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุข  ได้รายงานการคาดการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ตามหลักการการคำนวณทางระบาดวิทยา พบว่า จากสถานการณ์ในปัจจุบันการติดเชื้ออยู่ในอัตรา  1 ต่อ 1.2 คน คือประมาณ 200 คนต่อสัปดาห์ และคาดว่าในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ หากควบคุมได้ดี ตัวเลขจะค่อย ๆ ลดลงเหลือ 22 คนต่อสัปดาห์ แต่หากควบคุมไม่ดี การติดเชื้ออาจจะเพิ่มเป็น 1 ต่อ 1.8  คน ทำให้ช่วงระหว่างวันที่ 20-26 เมษายน คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อประมาณ  336 คน แต่หากควบคุมไม่ดี จะทำให้ช่วง 22-28 มิถุนายน ตัวเลขอาจเพิ่มสูงขึ้นถึง 2,419 รายต่อสัปดาห์ ดังนั้น จึงจะเพิ่มมาตรการค้นหาเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงคือผู้ใช้แรงงานและชุมชนต่าง ๆ เพื่อลดจำนวนการแพร่เชื้อ  การติดตามหาผู้สัมผัสให้พบ การค้นหาผู้ป่วยในพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง และการป้องกันการแพร่เชื้อในโรงพยาบาล 

โฆษก ศบค. กล่าวว่า ปลัดกระทรวงมาไทยได้รายงานว่า ได้จัดเตรียมสถานที่กักกันที่ภาครัฐจัดหาให้ทั่วประเทศ  796 แห่ง รองรับคนได้ 2,0941 คน โดยขณะนี้มีผู้เข้าพัก 2,339 คน ยังรองรับได้อีก นอกจากนี้ยังมีในส่วนของกระทรวงกลาโหมที่จัดหาสถานที่รองรับไว้.-สำนักข่าวไทย          

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย