สมุทรสาคร 16 เม.ย. – ในสถานการณ์โควิด-19 นอกจากคนปกติใช้ชีวิตลำบากแล้ว สำหรับคนพิการทางสายตาใช้ชีวิตลำบากกว่า เนื่องจากใช้การสัมผัสเป็นหลัก ทำให้มีโอกาสเสี่ยงสูง และสำหรับคนพิการที่ประกอบอาชีพนวดแผนโบราณด้วยยิ่งได้รับผลกระทบซ้ำสอง
ตึกแถวขนาด 16 ตารางวา ย่านอ้อมน้อย จ.สมุทรสาคร อดีตเป็นร้านนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพส่งเสริมอาชีพคนตาบอด ปกติมีลูกค้ามาใช้บริการเนืองแน่น โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แต่เมื่อมีคำสั่งปิดร้านนวดตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม ทำให้เตียงนวดที่มีอยู่ 8 เตียง ไม่ได้ใช้งานมาร่วมเดือน
ร้านนวดแห่งนี้เปรียบเสมือนเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตที่สำคัญ หมอนวดประจำร้านทั้ง 7 คน ล้วนเป็นผู้พิการทางสายตา เงินที่ได้เฉลี่ย 300 บาทต่อวัน วันไหนโชคดีได้เงินพิเศษบ้างอาจจะถึง 500 บาท แต่ขณะนี้ไม่มารายได้แม้แต่บาทเดียว ชีวิตความเป็นอยู่ยากลำบาก อาหารที่ช่วยประทังชีวิตคือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่ ข้าว และปลากระป๋อง ที่สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยมอบให้ เพราะเข้าใจถึงความไม่สะดวกและโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ เนื่องจากคนตาบอดใช้การสัมผัสเป็นหลักในการใช้ชีวิตประจำวัน
ป้าบุญเรือน อายุ 67 ปี เล่าว่า ร้านเคยเปิดทุกวัน ปิดนานที่สุดเกือบเดือนช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 แต่ก็พอใช้ชีวิตได้ด้วยถุงยังชีพ ที่สำคัญรู้อนาคตว่าเมื่อน้ำลดชีวิตจะกลับมาเป็นปกติ แต่วิกฤติโควิดถือว่าเลวร้ายกว่า แม้บ้านเรือนไม่เสียหาย แต่ส่งผลต่อจิตใจ รายได้ไม่มี แต่รายจ่ายทั้งค่าน้ำค่าไฟ ต้องจ่าย และอยู่ด้วยความหวาดระแวงกลัวติดโรคร้าย
หมอนวดประจำร้าน เล่าว่า มีลูกค้าโทรศัพท์มาขอนวดที่ร้าน หรือให้ไปตามบ้าน แต่ก็ไม่กล้ารับงาน เพราะกลัวผิดกฎหมาย กลัวติดโควิด ตอนนี้เงินที่ใช้อยู่คือเงินเก็บ ร่อยหรอลงทุกวัน หากรัฐบาลคงมาตรการนี้ ก็ขอให้เยียวยาคนพิการบ้าง ลำพังเบี้ยยังชีพอย่างเดียวไม่พอ พวกตนทำอาชีพอย่างอื่นไม่ได้ เวลานี้ทำได้เพียงแต่นั่งๆ นอนๆ และติดตามข่าวเท่านั้น
ในวิกฤติที่เป็นอยู่ แม้คนพิการจะใช้ชีวิตยากลำบาก แต่พวกเขาหวังว่าหากทุกคนให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตามคำแนะนำ เมื่อทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ ทุกคนจะกลับมาเริ่มต้นใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมอีกครั้ง. – สำนักข่าวไทย