เพื่อไทยจี้รัฐตัดงบฯ ไม่จำเป็นก่อนกู้เงิน

กรุงเทพฯ 14 เม.ย.-“คุณหญิงสุดารัตน์” แถลงจี้รัฐตัดงบไม่จำเป็นก่อนกู้เงิน ย้ำเกษตรกรต้องได้ 35,000 บาทอย่างมั่วถึงและเป็นธรรม พร้อมเตรียมผ่อนคลายมาตรการให้ประชาชนทำมาหากิน


คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย แถลงในนามพรรค ชี้มาตรการการเงินและการคลังใน พ.ร.ก.การเงิน กว่า 1.9 ล้านล้านบาทของรัฐบาลที่ใช้แก้วิกฤตโควิด-19 ต้องเยียวยาประชาชนอย่างทั่วถึงเป็นธรรม โดยเสนอให้รัฐบาลแสดงความพยายามในการปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นในปีงบประมาณ 2563 ลงก่อน คาดว่าหากยอมปรับลดงบที่ไม่จำเป็นลงประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์ จะทำให้มีเงินงบประมาณมาดำเนินการแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 ประมาณ 5 แสนล้านบาท และจะทำให้เหลือเงินกู้เพิ่มเพียง 5 แสนล้านบาท และสำหรับการทำแผนงบประมาณปี 2564 ต้องทบทวนเพื่อตัดงบที่ไม่จำเป็นทิ้ง จะทำให้ได้งบสนับสนุนเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง

“อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่สามารถปรับลดงบประมาณฯ ได้ตามเป้าหมาย 5 แสนล้านบาท ก็ควรมีคำอธิบายต่อพี่น้องประชาชนว่าได้พยายามในการปรับลดแล้วอย่างไรบ้าง ติดขัดที่ตรงไหน และมีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างไร รวมถึงสรุปให้เห็นชัดเจนว่าสามารถลดวงเงินจากการกู้ 1.0 ล้านล้านบาท ได้มากที่สุดเท่าใด เพราะเหตุใด” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว


คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า การใช้งบประมาณกว่า 1.9 ล้านล้านบาท จะต้องเกิดประสิทธิผลสูงสุด ทั้งด้านการดูแล เยียวยาประชาชน การดูแลบุคลากรด้านสาธารณสุข การดูแลธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ และการลงทุนเพื่อให้เกิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจทั้งปัจจุบันและในอนาคต อยู่บนพื้นฐานของความโปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยพรรคเพื่อไทยมีข้อเสนอหลัก ๆ 4 ประการ ซึ่งเคยเสนอไปแล้ว ได้แก่ ช่วยเหลือตามมาตรการเยียวยา รายละ 5,000 บาทอย่างครอบคลุมและทั่วถึง ซึ่งต้องรวมถึงเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน ทั้งจากโรคระบาดและภัยแล้ง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ โดยย้ำว่าสำหรับเกษตรกรนั้น พรรคเพื่อไทยได้เสนอให้เยียวยาเป็นรายครอบครัว ๆ ละ 35,000 บาท เพราะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบซ้ำซ้อน ทั้งจากภัยโควิดและภัยแล้ง ขณะเดียวกันต้องจัดสรรเงินอย่างเพียงพอและทั่วถึง เพื่อจัดหาเครื่องมือ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ทางการแพทย์และการสาธารณสุข เพื่อหยุดการแพร่ระบาด การรักษาผู้เจ็บป่วย และการป้องกัน ทั้งประชาชนและบุคลากรทางด้านสาธารณสุขจากเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยไม่ปล่อยให้ขาดแคลนอุปกรณ์ หรือมีการกักตุน โก่งราคาสินค้า ดังเช่นที่เกิดขึ้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงการสนับสนุนสินเชื่อ หรือยกเว้นภาษีเกี่ยวกับการนำเข้าเพื่อลงทุนเกี่ยวกับเครื่องมือ อุปกรณ์ หรือเครื่องใช้ที่ปลอดภัยจากไวรัส เช่น เครื่องปรับอากาศ ฆ่าเชื้อ เป็นต้น รวมทั้งการจัดอบรมบุคลากรที่อยู่ในอุตสาหกรรมบริการให้มีมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุข เพื่อให้ไทยเป็นประเทศที่มีทั้งสถานที่และการบริการที่ปลอดภัยจากไวรัส ทำให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศในอนาคต มีความเชื่อมั่นมากขึ้น

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า สำหรับ SME ไทยนั้น กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ไม่ใช่นิติบุคคล ไม่ได้เข้าถึงระบบการกู้จากธนาคารตามปกติ รัฐต้องช่วยให้เข้าถึงเงินกู้ ที่มีรายได้มากกกว่า 25 ล้านบาทต่อปี ควรเน้นไปที่มาตรการด้านภาษี ความสะดวกหรือสิทธิพิเศษในการส่งออกหรือนำเข้า และการตลาด ส่วน SME ที่มีรายได้ 100,000-10,000,000 ล้านบาท ควรเน้นมาตรการทางภาษี แหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ และการตลาด สำหรับ SME ในต่างจังหวัดนั้น ใช้งบผู้ว่าราชการจังหวัด 20 ล้าน ดูแลได้ทันทีและควรมอบอำนาจให้ผู้ว่าฯ ดู SME ต่างจังหวัดอย่างรอบด้าน เพราะผู้ว่าฯ มีข้อมูล SME ในจังหวัดของตนเองครบถ้วนอยู่แล้ว ทั้งนี้รัฐบาลต้องชี้ให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ของประเทศว่าวิสาหกิจที่จะพลิกฟื้นและเปลี่ยนวิกฤติโควิด-19 ให้เป็นโอกาสอย่างรวดเร็วได้นั้น จะต้องเน้นที่พื้นฐานอันจำเป็นของชีวิตเป็นเบื้องต้น เช่น อาหาร สุขภาพ ยารักษาโรค ทั้งแบบสมัยใหม่และแบบสมุนไพร วัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับการสาธารณสุข


คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปล่อยกู้ตรงกับภาคเอกชน โดยในส่วนพระราชกำหนดให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลเสถียรภาพภาคการเงินวงเงิน 400,000 ล้านบาท โดยจัดตั้งกองทุนรวมเสริมสภาพคล่องตราสารหนี้ภาคเอกชน เพื่อซื้อตราสารหนี้เอกชนคุณภาพที่ดีครบกำหนดชำระในช่วงปี พ.ศ.2563-2564 นั้น พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ธปท.ไม่ควรเป็นผู้ให้กู้โดยตรงกับภาคเอกชน ทั้งนี้ เพื่อรักษาหลักการของการเป็นธนาคารกลางของประเทศที่มีความน่าเชื่อถือไว้ จึงควรให้ธนาคารพาณิชย์รับซื้อ แล้วจึงนำมาเป็นหลักประกันเพื่อกู้เงินจำนวนนี้ต่อธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะผู้ให้กู้รายสุดท้าย หากธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าไปดำเนินการเสียเองตั้งแต่ต้น อาจจะถูกกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนบางราย หรือเลือกปฏิบัติได้ จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นในระบบการเงินของประเทศและต่อธนาคารแห่งประเทศไทย

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องมีแนวทางและมาตรการการใช้เงินกู้อย่างโปร่งใส มีประสิทธิผลและตรวจสอบได้ โดยตั้งคณะกรรมการที่ครอบคลุมผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อตรวจสอบแนวทางการใช้เงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ จากนั้นต้องรายงานการใช้เงินให้สภาผู้แทนราษฎรทราบเพื่อการตรวจสอบทุก 3 เดือน รวมถึงการกำหนดแนวทางหรือมาตรการและระยะเวลาที่จะชำระคืนเงินกู้จนครบถ้วน พร้อมขอให้รัฐบาลควรผ่อนคลายมาตรการเพื่อให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติโดยเร็วที่สุด บนพื้นฐานของความปลอดภัยของทุกฝ่ายด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ด้วยการจัดลำดับความสำคัญให้ผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ประสงค์จะดำเนินกิจการได้รับการตรวจเพื่อให้เป็นผู้ปลอดเชื้อ รวมทั้งมีอุปกรณ์และมาตรการป้องกันผู้มาใช้บริการเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้มีปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกันอย่างปลอดภัย นอกจากนี้ในระยะแรกของการผ่อนปรน รัฐบาลต้องทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นว่าหากเกิดการเจ็บป่วยด้วยไวรัสดังกล่าว รัฐบาลจะสามารถดูแลรักษาได้ทั่วถึง โดยได้จัดสรรงบประมาณที่จำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรทางด้านสาธารณสุขอย่างเพียงพอ

“การกู้เงินและใช้จ่ายเงินกู้จำนวน 1.0 ล้านล้านบาทนั้น ถือเป็นการจ่ายเงินแผ่นดิน ซึ่งจะกระทำได้เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการ งบประมาณ หรือกฎหมายเกี่ยวด้วยการโอนงบประมาณ กฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง หรือกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 140 พรรคเพื่อไทยจึงขอให้รัฐบาลดำเนินการในเรื่องนี้ให้เป็นไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนชาวไทย” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง