กรุงเทพฯ 8 เม.ย. – รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยปมฆาตกรรมพระหัวหน้าสำนักสงฆ์ฯ จ.สุราษฎร์ธานี อาจเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เพราะมีปากเสียงกันก่อนเกิดเหตุ ส่วนปมผู้ใหญ่บ้าน อ้างว่า พระพยายามใช้ปืนต่อสู้หลังถูกจับฐานฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน เร่งหาหลักฐาน
พลตำรวจเอกสุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เร่งคลี่คลายนายมานพ โกปิน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 9 ตำบลสมอทอง ใช้ปืนลูกซองยิงพระชลธาร ถาวโร หัวหน้าสำนักสงฆ์เขาเพ-ลา เสียชีวิต พร้อมลูกศิษย์ ริมถนนทางเข้าสำนักสงฆ์ฯ โดยอ้างว่า มีการฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน และพยายามต่อสู้ขัดขืน
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบผู้ก่อเหตุกับพระที่เสียชีวิตเคยมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับเรื่องที่ดินจริง แต่เชื่อว่าไม่ได้เป็นชนวนเหตุให้เกิดการฆาตกรรมกันในครั้งนี้ ซึ่งอาจเป็นเพียงจุดที่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันจนทำให้เกิดอารมณ์ชั่ววูบ เพราะทราบว่าก่อนเกิดเหตุทั้ง 2 ฝ่ายมีปากเสียงกัน
ทั้งนี้ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง และยังต้องสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานอย่างละเอียดก่อน โดยเฉพาะหลักฐานในที่เกิดเหตุ เช่น ปืน ที่ถูกระบุว่าเป็นของพระ ซึ่งตกอยู่ห่างจากจากจุดที่เสียชีวิตว่า 10 เมตร และไม่มีการขึ้นลำกล้อง ร่องรอยกระสุนปืนและระยะยิง ที่ต้องตรวจสอบว่าพระและลูกศิษย์ที่เสียชีวิต มีการใช้อาวุธต่อสู้ตามที่ผู้ใหญ่บ้านกล่าวอ้างหรือไม่
นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบเพิ่มในส่วนของพยานที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ขณะเกิดเหตุด้วย ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องจำนวนคน และยังให้การไม่ตรงกันในบางประเด็น
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า คดีนี้แม้พระและลูกศิษย์ จะทำผิดฐานฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน แต่ก็เป็นคนละส่วนกับที่ผู้ใหญ่ก่อเหตุฆาตกรรม ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีฐานฆ่าผู้อื่นแน่นอน ส่วนการลงพื้นที่วันนี้จะเน้นการตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ เพื่อสรุปข้อเท็จจริง .-สำนักข่าวไทย
