ทำเนียบรัฐบาล 7 เม.ย.-นายกฯ เผยครม.เห็นชอบพ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท พ.ร.ก.ของ ธปท. 9 แสนล้านบาท พ.ร.บ.โอนงบประมาณเข้างบกลางแก้เศรษฐกิจ พร้อมให้การแก้ปัญหาโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.นำผลการแก้ปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมาพิจารณา ซึ่งตนได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานคิดมาตรการต่าง ๆ ออกมา ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินอีกจำนวนหนึ่ง จึงพิจารณาการจัดทำร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณปี 2563 เพื่อนำเงินส่วนหนึ่งกลับใช้ในระบบโดยเติมในงบกลางให้มากยิ่งขึ้น
“ที่ผ่านมาได้นำงบประมาณจำนวนหนึ่งของปี 2563 ใช้ไปพลางก่อนแล้ว ซึ่งมากพอสมควร เหลืออยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยคาดว่าเงินก้อนแรกที่จะนำมาเติมในงบกลางนี้ประมาณ 80,000-100,000 ล้านบาท ส่วนพ.ร.บ.การโอนงบประมาณนี้จะต้องนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาก่อน ซึ่งจะมีรายละเอียดกำหนดว่าเงินส่วนใดสามารถโอนได้บ้าง ทั้งนี้ การจะนำวงเงินทั้งหมดของแต่ละส่วนมาตัดออกร้อยละ 10 เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และไม่เป็นไปตามกฎหมายพ.ร.บ.งบประมาณที่มีอยู่เดิมด้วย คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ประมาณต้นเดือนมิถุนายนนี้และจะนำเงินมาเติมในงบกลางได้ ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม.พิจารณาร่างพ.ร.ก.ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกู้เงิน แต่เป็นการบริหารในเชิงการเงินการคลังของธปท. ซึ่งมีวงเงินประมาณ 900,000 ล้านบาท ให้อำนาจธปท.บริหารจัดการ และพิจารณาพ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท โดยใช้ระยะที่ 1 เพื่อการเยียวยาและการสาธารณสุขประมาณ 600,000 ล้านบาท ในส่วนที่ 2 อีก 4 แสนล้านบาทเป็นเรื่องของการฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ ซึ่งต้องดำเนินการคู่ขนานกันไป โดยงบประมาณทั้งสองก้อนนี้สามารถปรับโอนไปมาได้ สามารถรวมกับเงินที่จะได้รับจากพ.ร.บ.ปรับโอนในเดือนมิถุนายน รวมถึงพิจารณาเกี่ยวกับระบบป้องกันอุทกภัยและขาดแคลนน้ำพื้นที่ลำน้ำยม ซึ่งมีปัญหาพอสมควรในช่วงที่ผ่านมา เพื่อป้องกันน้ำท่วมและกักเก็บน้ำไว้ในลุ่มน้ำยม
“รัฐบาลยืนยันเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการรักษาสุขภาพให้กับประชาชน จึงขอความร่วมมือว่าสิ่งใดที่รัฐยังมีปัญหาอยู่ ขอให้เห็นใจรัฐบาล เพราะทำงานด้วยคนจำนวนมาก ขณะที่ประชาชนก็มีจำนวนมากเช่นกัน ไม่ว่าเดินทางกลับเข้าประเทศ การเข้าสู่กระบวนการกักตัว Quarantine ทั้งส่วนของรัฐ ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีหลายมาตรการออกมา ต้องบูรณาการหน้างานให้ดี ขณะที่สนามบินก็มีศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน EOC กำกับดูแลโดยกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายความมั่นคง ขนส่ง คมนาคม เพราะฉะนั้นการตัดสินใจต้องอยู่บนพื้นฐานที่รัฐบาลมีกรอบไปแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคนไทยจะเดินทางกลับเข้าประเทศ ว่า ได้สั่การไปแล้วว่าให้เดินทางกลับเข้ามาเป็นรุ่น ๆ เป็นผลัด ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการส่งต่อไปยังพื้นที่ Quarantine ต่าง ๆ ทั้งหมด และได้ประกาศให้โควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติไปแล้ว รวมถึงยินดีรับฟังข้อสังเกต ข้อเสนอแนะจากทุกส่วน
“ขอให้เห็นใจรัฐบาล บางอย่างถ้าช่วยเหลือได้ก็กรุณา ที่ผ่านมาเมื่อประกอบกิจการในปี 2561-2562 ก็มีกำไรพอสมควร ส่วนช่วงที่มีโควิดนี้ ต้องไปย้อนดูว่าผลประกอบการเป็นอย่างไร หากพิสูจน์หรือชี้แจงได้ว่าเป็นผลกระทบจากโควิด รัฐบาลยินดีดูแลแก้ไขให้ด้วยการช่วยงบประมาณเยียวยา ทั้งในส่วนของแรงงานและผู้ประกอบการ ถ้าหากจะให้ช่วยเหลือเหมาทั้งหมด งบประมาณมีเท่าไหร่ก็รับไม่ไหว เพราะงบประมาณมีจำกัด” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่ขับเคลื่อนวันนี้เป็นนโยบายที่ตนในฐานะผู้นำรัฐบาลได้ให้นโยบายไป และส่วนราชการต่าง ๆ กระทรวงทุกกระทรวง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีนำเสนอความต้องการมาตรการต่าง ๆ ขึ้นมา แต่จำเป็นต้องคัดกรองให้เป็นไปตามกฎหมายทุกประการ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ หากสิ่งใดคิดได้ ทำได้ แต่ไม่ถูกกฎหมาย ก็จะเป็นอันตรายต่องบประมาณของภาครัฐ ยืนยันว่าจะกวดขันการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามสิ่งที่ต้องประสงค์ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ.-สำนักข่าวไทย
