ศบค.แถลงพบผู้ป่วยใหม่ 120 คน ผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 1,771 คน

ทำเนียบฯ 1 เม.ย.- ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 พบผู้ป่วยใหม่ 120 ราย ผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 1,771 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ย้ำ อยู่บ้านต้องเว้นระยะห่าง ไม่เสี่ยงไม่ต้องตรวจ อุปกรณ์มีอย่างจำกัด ตำรวจชี้ ยังมีกลุ่มคนฝ่าฝืนมั่วสุม ย้ำใช้กฏหมายเด็ดขาด คาดนักเรียนแลกเปลี่ยนในโครงการ AFS ทั้งหมดจะสามารถกลับไทยได้ครบเดือนเมษายนนี้ ยัน กต.ประสานงานดูแลนักเรียนใกล้ชิด


นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า วันนี้ (1 เม.ย.) ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 120 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 1,771 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวม 12 คน โดยผู้เสียชีวิตล่าสุด รายที่ 11  เป็นชายไทย อายุ 79 ปี อยู่ในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีโรคประจำตัวคือเบาหวานและไตวายเรื้อรัง และได้เดินทางไปร่วมงานแต่งงานที่ประเทศมาเลเซียป่วยตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคมและเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลของรัฐใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยอาการไข้สูง ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ และปอดอักเสบ

จากนั้นได้ส่งตัวมารักษายังโรงพยาบาลประจำจังหวัดและเสียชีวิตในวันที่ 30 มีนาคมเวลา 08.00 น.  รายที่ 12  อายุ 58 ปี เป็นนักธุรกิจเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษถึงไทยวันที่ 14 มีนาคม และเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนเสียชีวิตในวันที่ 31 มีนาคมเวลา 09.00 น. โดยจะต้องตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ พบว่า มาจากกรุงเทพมหานคร 43 คน สมุทรปราการ 23 คน ภูเก็ต 11 คน ที่เหลือมาจากจังหวัด กระบี่ นนทบุรี ปทุมธานี บุรีรัมย์ สงขลา และชลบุรี


นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า จังหวัดที่พบผู้ป่วยรายใหม่ในช่วงวันที่ 25 ถึง 31 มีนาคม ก่อนหน้านี้สองสัปดาห์ไม่พบผู้ป่วยเลย คือจังหวัดชุมพร นครพนมพิษณุโลก หนองคาย อำนาจเจริญ มุกดาหารและลำพูน พบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร สำหรับอันดับตัวเลขผู้ป่วยสะสมในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด จำแนกเป็น กรุงเทพมหานคร มากที่สุด 850 คน นนทบุรี 104 คน สมุทรปราการ 72 คน ภูเก็ต 71 คน ชลบุรี 47 คน ยะลา 35 คน ปัตตานี 34 คน ทั้งนี้การรณรงค์ให้ทุกคนอยู่บ้านเพื่อลดการติดเชื้อนั้น พบว่าการไม่เพิ่มระยะห่างระหว่างบุคคลของคนในบ้าน ก็จะไม่ทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อลดลง ดังนั้นต้องตะหนักว่า คนในบ้านต้องมีระยะห่าง 

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ขอบคุณหลายภาคส่วนที่ร่วมกันทำงาน ทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชน โดยเฉพาะการพยายามประยุกต์ใช้สิ่งของต่าง ๆ ที่มี มาทำเป็นอุปกรณ์ในการป้องกันโควิด-19

ด้านพล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน แต่จากการปฏิบัติในช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา พบว่า มีประชาชนฝ่าฝืนข้อกฎหมายทั้งที่บุคลากรทุกคนทำงานอย่างหนัก หลายกรณีมีการขอความร่วมมือ แต่ก็ยังมีการฝ่าฝืน เช่น การไปมั่วสุม หรือตั้งวงเอาสนุกสนาน ลักษณะเช่นนี้ ถือว่า กระทำกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบททั้งผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ และผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเมื่อวานนี้ (31 มี.ค.) ก็ยังพบมิจฉาชีพร่วมกับต่างชาติกักตุนแอลกกฮอล์จำนวนมาก ถือเป็นความผิดรุนแรง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงสั่งการไปยังพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ซึ่งการกระทำเช่นนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ


โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบการกระทำเล็ก ๆ น้อยแต่ส่งผลกระทบที่ทำให้ตื่นตระหนัก ก็จะได้รับโทษเช่นเดียวกัน รวมถึง ยังพบการเล่นพนันที่มีความผิด ตาม พ.ร.บ.การพนัน และผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อด้วย ดังนั้น จึงขอประชาชนอย่าฝ่าฝืน เพราะจะดำเนินการเอาผิดอย่างหนัก และให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับคนที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน 

ต่อข้อถามว่า มีหลายจังหวัดประกาศมาตรการห้ามออกนอกเคหะสถานในบางเวลา และหากพักอาศัยอยู่ในปริมณฑล จะยังสามารถข้ามจังหวัดมาทำงานได้ตามปกติหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า บุคคลที่พักอาศัยอยู่ในปริมณฑลยังขับรถมาทำงานใน กทม. ได้ตามปกติ เพราะส่วนตัวคิดว่าไม่มีบริษัทใดที่เปิดงานตั้งแต่ก่อน 05.00 น. ซึ่งเป็นเวลาห้ามออกนอกเคหะสถาน แต่หากเป็นการทำงานที่มีความจำเป็นอย่างต้องขนส่งยาและเวชภัณฑ์ก็สามารถออกมาได้ 

นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนในโครงการ AFS ที่จะเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ผู้ปกครองมีความกังวลต่อการเดินทางกลับนั้น เจ้าหน้าที่ในโครงการแลกเปลี่ยน AFS และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันมีนักเรียนแลกเปลี่ยนจากต่างประเทศได้ทยอยเดินทางกลับมาบ้างแล้ว และโครงการใหม่ก็ยกเลิกไปแล้ว แต่ขณะนี้นักเรียนแลกเปลี่ยน AFS กลุ่มใหญ่ยังอยู่ที่สหรัฐฯ

อธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวว่า กระทรวงต่างประเทศได้ประสานเรื่องนำนักเรียนกลับมาแล้ว แต่เข้าใจดีว่าผู้ปกครองกังวล ขอยืนยันว่าตอนนี้เครื่องบินพาณิชย์สหรัฐยังเดินทางเข้าไทยได้อยู่ โดยAFS มูลนิธิ ที่ดูแลจะดำเนินการและกต.ก็ดูแลนักเรียนเหล่านี้อย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีการให้หลักประกันสุขภาพ คาดว่าทั้งหมดจะสามารถกลับมาได้ครบในเดือนเมษายนนี้ ทุกคนจะต้องมีเอกสารรับรองจากสถานทูตและใบรับรองแพทย์ที่จะสามารถขึ้นเครื่องกลับมาได้ และเมื่อมาถึงประเทศไทยต้องเข้าสู่กระบวนการคัดกรองของทางการไทย ตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มีมาตรการตรวจคัดกรองอย่างเข้มข้น และอาจมีการดำเนินการตรวจคัดกรองแบบกลุ่มที่รัดกุมมากขึ้นสำหรับการดูแลนักศึกษาที่จะกลับจากอิตาลี จะมีการดูแลอย่างใกล้ชิดจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและกระทรวงการต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามถึงตัวเลขการติดเชื้อที่แท้จริงมีมากกว่าที่แจ้งข้อมูลไปหรือไม่ จากกรณีที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แต่ตัวเลขเฉลี่ยยังอยู่ประมาณ 100 คน นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตัวเลขที่แถลงคือตัวเลขที่แท้จริง แต่ยอมรับว่าในช่วงแรกอาจมีติดขัดบ้าง เนื่องจากบุคลากรและเครื่องมือทางการแพทย์ ที่ใช้ตรวจโรคอาจยังไม่พร้อมหรือมีเพียงพอ  และไม่ทันกับสถานการณ์ แต่ขณะนี้ยืนยันว่า แพทย์มีความเชี่ยวชาญด้านการใช้เครื่องมือ และสามารถตรวจได้ถึงวันละ 10,000 เคส  อีกทั้งยังต้องเสียสรรพกำลัง และอุปกรณ์การตรวจหาเขื้อไปกับบุคคลที่วิตกกังวลและเข้ามาตรวจ แต่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและไม่พบเชื้อจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อทรัพยากรมีจำกัดก็ขอให้ผู้ที่ยังไม่มีความเสี่ยงอย่าเพิ่งมาโรงพยาบาลอยากให้คนที่มีความเสี่ยงใกล้ชิดกับคนที่ติดโควิด-19มากกว่า

เมื่อถามว่าการกักตัวอยู่บ้านมีความเสี่ยงมากแค่ไหน นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า การที่มีคนอยู่ในบ้านมากกว่า 1 คนก็มีความเสี่ยง จึงขอให้ดูแลตัวเองให้ดี คือใช้หลักการกินร้อนช้อนกลางล้างมือ ห่างกัน 1-2 เมตร สามารถทำได้มากกว่า 14 วัน เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อยังพุ่งสูงอยู่ จึงขอความร่วมมือทุกคนดูแลตัวเองเพื่อให้ลดการแพร่เชื้อและทำทุกอย่างให้ปลอดเชื้อด้วย.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“อนุทิน” โชว์ตัวว่าที่ รมต.ทีมเศรษฐกิจ ล้อมวงกินเค้กส้ม

พรรคภูมิใจไทย 6 ก.ย.- “อนุทิน” โชว์ตัว ว่าที่ 3 รมต.ทีมเศรษฐกิจป้ายแดง ล้อมวงกินเค้กส้ม “เอกนิติ” นั่งขุนคลัง เตรียมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้ปล่อยฟื้นคนละครึ่งกระแสเต็มฟีด ขณะ “สีหศักดิ์” เตรียมนั่ง รมว.กต. มั่นใจชื่อนี้นานาชาติยอมรับ รับเผือกร้อนแก้ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะ “อรรถพล” อดีต CEO ปตท. นั่ง รมว.พลังงาน ทำงานได้เลยไม่ต้องรำมวย ยอมรับเก้าอี้กลาโหม ต้องมีความรู้ในวิชาชีพ ปัดตอบชิงดำ “บิ๊กป้อม-ธรรมนัส” นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีต ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดื่มกาแฟร่วมกันที่ร้านจานิสตาร์ ชั้น 1 ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ภายหลังหารือร่วมกันที่บริเวณชั้นบน ทั้งนี้ คาดว่านายสีหศักดิ์ ถูกทาบทาม […]

“ธรรมนัส” ปัดแย่งเก้าอี้กลาโหม “บิ๊กป้อม” ไม่กังวลปมคุณสมบัติ

พรรคภูมิใจไทย 6 ก.ย.- “ธรรมนัส” ปัดแย่งเก้าอี้กลาโหม “บิ๊กป้อม” อุบตอบ “กล้าธรรม” ได้กระทรวงอะไรเพิ่ม ไม่กังวลปมคุณสมบัติ เหตุตัวเองเป็น “รมต.” มา 2 รอบแล้ว แย้ม เลขาฯ พรรค ต้องได้เก้าอี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม เดินทางมายังที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เพื่อพบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเป็นการส่วนตัว จากนั้นเวลา 16.50 น. นายอนุทิน และ ร.อ.ธรรมนัส เดินลงจากที่ทำการพรรคมายังร้านกาแฟจาริสต้าร์ ซึ่งมี น.ส.ธนพร ศรีวิราช ภรรยาของ ร.อ.ธรรมนัส รออยู่ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส สั่งเครื่องดื่มอเมริกาโน่ร้อน ไม่หวาน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า มาซื้อกาแฟวันนี้ หมายความว่าได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้วใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนมารับภรรยา เมื่อถามว่า พรรคกล้าธรรมมีการพูดคุยตำแหน่งรัฐมนตรีลงตัวแล้วหรือไม่ […]

พายุไต้ฝุ่น ‘เผ่ย์ผ่า’ ถล่มชิซูโอกะในญี่ปุ่น

โตเกียว 6 พ.ย. – พายุไต้ฝุ่น “เผ่ย์ผ่า” (Peipah) ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักในจังหวัดชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในวันศุกร์ โดยมีรายงานว่าลมกระโชกแรงจากพายุลูกนี้ทำลายอาคารไปอย่างน้อย 220 หลัง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 23 คน เอ็นเอชเค สื่อสาธารณะของญี่ปุ่นรายงานว่า ตรวจพบกระแสลมแรงใน เขตเทศบาล 4 แห่งของจังหวัดชิซูโอกะ ซึ่งรวมถึงเมืองโยชิดะและเมืองมากิโนะฮาระ เจ้าหน้าที่เมืองมากิโนะฮาระระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย 20 ราย ณ เวลา 21:30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 19.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย นอกจากนี้ เอ็นเอชเค ยังรายงานด้วยว่า มีอาคารอย่างน้อย 43 หลังในเมืองมากิโนะฮาระถูกทำลายทั้งหมดหรือเสียหายครึ่งหนึ่งและอีก 184 หลังได้รับความเสียหายบางส่วน พายุ “เผ่ย์ผ่า” ได้ลดระดับลงเป็นพายุโซนร้อนเมื่อเวลาประมาณ 21:00 น. ของวันศุกร์ ตามเวลาท้องถิ่น […]

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักมากบางพื้นที่ใน กทม.และปริมณฑล-ตะวันออก

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักมากบางพื้นที่ใน กทม.-ปริมณฑล และภาคตะวันออก บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขัง น้ำรอการระบาย กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมขัง น้ำรอการระบาย โดยเฉพาะบริเวณชุมชนเมือง เช่น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า […]

มทภ.2 วอนอย่าหลงเชื่อข่าวปั่นกระแสพูดโยงการเมือง

7 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 วอนอย่าหลงเชื่อ ข่าวปั่นกระแสพูดโยงการเมือง ยันทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย ชาติ พระมหากษัตริย์ และประชาชน เท่านั้น เมื่อวันที่ 7 ก.ย.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีสื่อโซเชียล นำภาพของตนมาประกอบกับข้อความเรื่องโยงการเมืองว่า ขอพี่น้องประชาชนโปรดอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เป็นการสร้างกระแส ยุยง ปลุกปั่น ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ตนพูดชัดอยู่แล้วว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง ตนเป็นทหาร ไม่ยุ่งเรื่องการเมืองอยู่แล้ว การเมืองก็ให้เขาว่ากันไป เรามีหน้าที่ดูแลอธิปไตยของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน นี่คือหน้าที่ของทหาร “ถึงผมจะเกษียณอีกไม่กี่วัน แต่ผมก็คือทหาร จะไม่ยุ่งเกี่ยวทางการเมืองอย่างแน่นอน” พล.ท.บุญสิน กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

โคลนผุดบนถนนย่านวงเวียนใหญ่ ชาวบ้านหวั่นถนนทรุด

กทม. 7 ก.ย. – ดินโคลนผุดใต้พื้นถนนบริเวณจุดก่อสร้างรถไฟฟ้า ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินก่อนเข้าวงเวียนใหญ่ ชาวบ้านหวั่นพื้นทรุดตัว เจ้าหน้าที่เร่งถมยางมะตอย หลังจากฝนตกติดต่อกันหลายวัน ช่วงบ่ายของวันนี้ บริเวณจุดก่อสร้างรถไฟฟ้า ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินก่อนเข้าวงเวียนใหญ่ มีโคลนสีเหลือง ผุดขึ้นมาบนพื้นถนนจำนวนมาก จนทำให้การจราจรบริเวณนั้นติดขัด โดยพื้นที่บริเวณดังกล่าวกำลังมีการก่อสร้าง โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก ) ซึ่งสาเหตุที่มีโคลนสีเหลืองผุดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก สันนิษฐานว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นสาเหตุทำให้น้ำเข้าไปขังใต้พื้นถนนกลายเป็นดินโคลนที่ผุดขึ้นมา ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่โครงการรถไฟฟ้า ได้นำยางมะตอยเข้ามาถมจุดที่มีโคลนผุดขึ้นมา พร้อมกับจัดเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องการทรุดตัวของพื้นถนน เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับประชาชนที่สัญจรเส้นทางดังกล่าว ฝากประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่จะสัญจรเส้นทางดังกล่าว หากไม่มีกรณีเร่งด่วนให้หลีกเลี่ยง หรือเปลี่ยนเส้นทางสัญจร เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน.-สำนักข่าวไทย

เขมรครึ่งร้อยป่วนบ้านหนองจานอีก

สระแก้ว 7 ก.ย. – ชาวกัมพูชากว่า 50 คน รวมตัวท่ามกลางสายฝน กดดันทหารไทย เกณฑ์เด็ก-ผู้หญิง เข้ามาในพื้นที่บ้านหนองจาน สร้างเพิงพักชั่วคราวใกล้แนวชายแดน ชาวกัมพูชากว่า 50 คน รวมตัวท่ามกลางสายฝน กดดันทหารไทย โดยเกณฑ์เด็กและผู้หญิงเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองจาน ใกล้หลักเขต 46 ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ทั้งสร้างเพิงพักชั่วคราวบริเวณใกล้แนวชายแดน สถานการณ์โดยรวมยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ปรากฏเหตุการณ์ความวุ่นวาย หรือการกระทบกระทั่งแต่อย่างใด ส่วนบริเวณจุดตรวจ 40 บ้านหนองจาน ผู้กำกับ สภ.โคกสูง ได้จัดกำลังตำรวจเข้าดูแลพื้นที่รักษาความปลอดภัย ช่วงเวลา 11.00 น. มีกลุ่มมวลชนเดินทางเข้ามาในพื้นที่ประมาณ 20 คน เหตุการณ์ทั่วไปยังปกติ.-สำนักข่าวไทย