ศบค.แถลงพบผู้ป่วยใหม่ 120 คน ผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 1,771 คน

ทำเนียบฯ 1 เม.ย.- ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 พบผู้ป่วยใหม่ 120 ราย ผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 1,771 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ย้ำ อยู่บ้านต้องเว้นระยะห่าง ไม่เสี่ยงไม่ต้องตรวจ อุปกรณ์มีอย่างจำกัด ตำรวจชี้ ยังมีกลุ่มคนฝ่าฝืนมั่วสุม ย้ำใช้กฏหมายเด็ดขาด คาดนักเรียนแลกเปลี่ยนในโครงการ AFS ทั้งหมดจะสามารถกลับไทยได้ครบเดือนเมษายนนี้ ยัน กต.ประสานงานดูแลนักเรียนใกล้ชิด


นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า วันนี้ (1 เม.ย.) ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 120 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 1,771 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวม 12 คน โดยผู้เสียชีวิตล่าสุด รายที่ 11  เป็นชายไทย อายุ 79 ปี อยู่ในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีโรคประจำตัวคือเบาหวานและไตวายเรื้อรัง และได้เดินทางไปร่วมงานแต่งงานที่ประเทศมาเลเซียป่วยตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคมและเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลของรัฐใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยอาการไข้สูง ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ และปอดอักเสบ

จากนั้นได้ส่งตัวมารักษายังโรงพยาบาลประจำจังหวัดและเสียชีวิตในวันที่ 30 มีนาคมเวลา 08.00 น.  รายที่ 12  อายุ 58 ปี เป็นนักธุรกิจเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษถึงไทยวันที่ 14 มีนาคม และเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนเสียชีวิตในวันที่ 31 มีนาคมเวลา 09.00 น. โดยจะต้องตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ พบว่า มาจากกรุงเทพมหานคร 43 คน สมุทรปราการ 23 คน ภูเก็ต 11 คน ที่เหลือมาจากจังหวัด กระบี่ นนทบุรี ปทุมธานี บุรีรัมย์ สงขลา และชลบุรี


นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า จังหวัดที่พบผู้ป่วยรายใหม่ในช่วงวันที่ 25 ถึง 31 มีนาคม ก่อนหน้านี้สองสัปดาห์ไม่พบผู้ป่วยเลย คือจังหวัดชุมพร นครพนมพิษณุโลก หนองคาย อำนาจเจริญ มุกดาหารและลำพูน พบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร สำหรับอันดับตัวเลขผู้ป่วยสะสมในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด จำแนกเป็น กรุงเทพมหานคร มากที่สุด 850 คน นนทบุรี 104 คน สมุทรปราการ 72 คน ภูเก็ต 71 คน ชลบุรี 47 คน ยะลา 35 คน ปัตตานี 34 คน ทั้งนี้การรณรงค์ให้ทุกคนอยู่บ้านเพื่อลดการติดเชื้อนั้น พบว่าการไม่เพิ่มระยะห่างระหว่างบุคคลของคนในบ้าน ก็จะไม่ทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อลดลง ดังนั้นต้องตะหนักว่า คนในบ้านต้องมีระยะห่าง 

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ขอบคุณหลายภาคส่วนที่ร่วมกันทำงาน ทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชน โดยเฉพาะการพยายามประยุกต์ใช้สิ่งของต่าง ๆ ที่มี มาทำเป็นอุปกรณ์ในการป้องกันโควิด-19

ด้านพล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน แต่จากการปฏิบัติในช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา พบว่า มีประชาชนฝ่าฝืนข้อกฎหมายทั้งที่บุคลากรทุกคนทำงานอย่างหนัก หลายกรณีมีการขอความร่วมมือ แต่ก็ยังมีการฝ่าฝืน เช่น การไปมั่วสุม หรือตั้งวงเอาสนุกสนาน ลักษณะเช่นนี้ ถือว่า กระทำกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบททั้งผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ และผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเมื่อวานนี้ (31 มี.ค.) ก็ยังพบมิจฉาชีพร่วมกับต่างชาติกักตุนแอลกกฮอล์จำนวนมาก ถือเป็นความผิดรุนแรง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงสั่งการไปยังพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ซึ่งการกระทำเช่นนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ


โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบการกระทำเล็ก ๆ น้อยแต่ส่งผลกระทบที่ทำให้ตื่นตระหนัก ก็จะได้รับโทษเช่นเดียวกัน รวมถึง ยังพบการเล่นพนันที่มีความผิด ตาม พ.ร.บ.การพนัน และผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อด้วย ดังนั้น จึงขอประชาชนอย่าฝ่าฝืน เพราะจะดำเนินการเอาผิดอย่างหนัก และให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับคนที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน 

ต่อข้อถามว่า มีหลายจังหวัดประกาศมาตรการห้ามออกนอกเคหะสถานในบางเวลา และหากพักอาศัยอยู่ในปริมณฑล จะยังสามารถข้ามจังหวัดมาทำงานได้ตามปกติหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า บุคคลที่พักอาศัยอยู่ในปริมณฑลยังขับรถมาทำงานใน กทม. ได้ตามปกติ เพราะส่วนตัวคิดว่าไม่มีบริษัทใดที่เปิดงานตั้งแต่ก่อน 05.00 น. ซึ่งเป็นเวลาห้ามออกนอกเคหะสถาน แต่หากเป็นการทำงานที่มีความจำเป็นอย่างต้องขนส่งยาและเวชภัณฑ์ก็สามารถออกมาได้ 

นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนในโครงการ AFS ที่จะเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ผู้ปกครองมีความกังวลต่อการเดินทางกลับนั้น เจ้าหน้าที่ในโครงการแลกเปลี่ยน AFS และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันมีนักเรียนแลกเปลี่ยนจากต่างประเทศได้ทยอยเดินทางกลับมาบ้างแล้ว และโครงการใหม่ก็ยกเลิกไปแล้ว แต่ขณะนี้นักเรียนแลกเปลี่ยน AFS กลุ่มใหญ่ยังอยู่ที่สหรัฐฯ

อธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวว่า กระทรวงต่างประเทศได้ประสานเรื่องนำนักเรียนกลับมาแล้ว แต่เข้าใจดีว่าผู้ปกครองกังวล ขอยืนยันว่าตอนนี้เครื่องบินพาณิชย์สหรัฐยังเดินทางเข้าไทยได้อยู่ โดยAFS มูลนิธิ ที่ดูแลจะดำเนินการและกต.ก็ดูแลนักเรียนเหล่านี้อย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีการให้หลักประกันสุขภาพ คาดว่าทั้งหมดจะสามารถกลับมาได้ครบในเดือนเมษายนนี้ ทุกคนจะต้องมีเอกสารรับรองจากสถานทูตและใบรับรองแพทย์ที่จะสามารถขึ้นเครื่องกลับมาได้ และเมื่อมาถึงประเทศไทยต้องเข้าสู่กระบวนการคัดกรองของทางการไทย ตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มีมาตรการตรวจคัดกรองอย่างเข้มข้น และอาจมีการดำเนินการตรวจคัดกรองแบบกลุ่มที่รัดกุมมากขึ้นสำหรับการดูแลนักศึกษาที่จะกลับจากอิตาลี จะมีการดูแลอย่างใกล้ชิดจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและกระทรวงการต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามถึงตัวเลขการติดเชื้อที่แท้จริงมีมากกว่าที่แจ้งข้อมูลไปหรือไม่ จากกรณีที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แต่ตัวเลขเฉลี่ยยังอยู่ประมาณ 100 คน นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตัวเลขที่แถลงคือตัวเลขที่แท้จริง แต่ยอมรับว่าในช่วงแรกอาจมีติดขัดบ้าง เนื่องจากบุคลากรและเครื่องมือทางการแพทย์ ที่ใช้ตรวจโรคอาจยังไม่พร้อมหรือมีเพียงพอ  และไม่ทันกับสถานการณ์ แต่ขณะนี้ยืนยันว่า แพทย์มีความเชี่ยวชาญด้านการใช้เครื่องมือ และสามารถตรวจได้ถึงวันละ 10,000 เคส  อีกทั้งยังต้องเสียสรรพกำลัง และอุปกรณ์การตรวจหาเขื้อไปกับบุคคลที่วิตกกังวลและเข้ามาตรวจ แต่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและไม่พบเชื้อจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อทรัพยากรมีจำกัดก็ขอให้ผู้ที่ยังไม่มีความเสี่ยงอย่าเพิ่งมาโรงพยาบาลอยากให้คนที่มีความเสี่ยงใกล้ชิดกับคนที่ติดโควิด-19มากกว่า

เมื่อถามว่าการกักตัวอยู่บ้านมีความเสี่ยงมากแค่ไหน นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า การที่มีคนอยู่ในบ้านมากกว่า 1 คนก็มีความเสี่ยง จึงขอให้ดูแลตัวเองให้ดี คือใช้หลักการกินร้อนช้อนกลางล้างมือ ห่างกัน 1-2 เมตร สามารถทำได้มากกว่า 14 วัน เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อยังพุ่งสูงอยู่ จึงขอความร่วมมือทุกคนดูแลตัวเองเพื่อให้ลดการแพร่เชื้อและทำทุกอย่างให้ปลอดเชื้อด้วย.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน […]

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]