กทม.30 มี.ค.- ชายหนุ่มที่อ้างว่าถูกตำรวจ สน.ท่าพระ กรรโชกทรัพย์หลังแจ้งผู้เสียหายจากการตรวจปัสสาวะว่าพบสารเสพติด
นายกิตติศักดิ์ ชูเพียร ผู้เสียหายที่ถูกตำรวจ สน.ท่าพระ เรียกตรวจแล้วพบเสพยาเสพติด พร้อมทนายความ เข้าพบพลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบลาล ให้ดำเนินคดีกับตำรวจประจำด่านที่ร่วมกันเรียกรับเงิน 30,000 บาท แลกกับการไม่ดำเนินคดี
ผู้เสียหาย ยืนยันว่า ไม่เคยเสพยาเสพติดและไม่ได้รับยาที่ทำให้ตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะ ขณะที่ขับรถยนต์ผ่านด่านตรวจเมื่อตำรวจเรียกตรวจค้นและให้ไปเก็บปัสสาวะผลตรวจที่ด่านพบว่ามีสารเสพติด จากนั้นก็พาไปตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งอีกครั้ง และนำผลตรวจมาที่ด่านตรวจก็ปรากฏว่าพบสารเสพติดอีก ตำรวจจึงจะดำเนินคดีและเรียกเงิน 30,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี แต่ผู้เสียหายยืนยันว่าไม่เคยเสพยาเสพติด และไม่ยินยอมจ่ายเงิน ฝ่ายตำรวจจึงพยายามลดจำนวนเงินเหลือ 20,000 บาท แต่ตนปฏิเสธ จึงพาตัวไปสถานีตำรวจ และลดเหลือ 15,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว หากไม่จ่ายเงินตำรวจก็ไม่ยอมปล่อยตัว ตนอยากให้จบจึงจ่ายเงิน เมื่อออกมาจาก สน.เจอด่านตรวจอีกแห่งก็ได้ไปตรวจปัสสาวะอีกรอบ แต่ไม่เจอสารเสพติด จึงไปตรวจซ้ำอีกรอบที่โรงพยาบาลซึ่งผลก็ไม่มียาเสพติดเช่นกัน จึงติดต่อกับตำรวจที่ตรวจและจะร้องเรียนตำรวจที่รับเงินจึงโอนคืนมาให้
ด้านนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ เปิดเผยว่า จะดำเนินคดีกับตำรวจที่ร่วมก่อเหตุ และอาสาสมัครตำรวจที่รู้เห็นใน 3 ข้อกล่าวหา คือกักขังหน่วงเหนี่ยว, กรรโชกทรัพย์ และกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษทางอาญา
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับเรื่องร้องทุกข์ผู้เสียหาย และให้ไปตรวจร่างกายทั้งปัสสาวะและเลือดเพื่อยืนยันผลที่โรงพยาบาลตำรวจอีกครั้ง และมีคำสั่งให้ตำรวจ 4 นาย ที่อยู่ในวันเกิดเหตุไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยตำรวจยังปฏิเสธว่าไม่ได้กรรโชกทรัพย์ ซึ่งก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย.-สำนักข่าวไทย
