กรุงเทพฯ 27 มี.ค. – บีโอไอปรับระบบการทำงานรองรับสถานการณ์โควิด-19 ช่วยผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ ขยายเวลายื่นขอใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ถึง 31 กรกฎาคม 2563 สอดรับมาตรการกระทรวงการคลังเลื่อนเวลาชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล รุกเปิดใช้ระบบ e-Submission สำหรับการยื่นเอกสารออนไลน์ได้ทุกงาน
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ขยายวงกว้างขึ้น จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ กระทรวงการคลังได้มีมาตรการให้เลื่อนเวลาการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล รอบระยะเวลาบัญชีปี 2562 (ภ.ง.ด.50) เป็นภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบนั้น เพื่อให้เงื่อนไขด้านการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของบีโอไอสอดคล้องกับมาตรการของกระทรวงการคลัง บีโอไอจึงได้ขยายกำหนดเวลาการยื่นขอใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 หรือก่อนครบกำหนดเวลายื่นรายการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล ไม่น้อยกว่า 30 วัน เพื่อความสะดวกของผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุน
นอกจากนี้ แม้ว่าบีโอไอจะเปิดให้บริการตามปกติ แต่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีความจำเป็นต้องยื่นเรื่องหรือเอกสารต่างๆ บีโอไอจึงได้เพิ่มบริการรับเอกสารทางออนไลน์ นอกเหนือจาก e –Service ที่มีอยู่เดิม (เช่น e-Investment สำหรับรับคำขอส่งเสริมฯ e-Tax สำหรับการยื่นขออนุมัติการใช้สิทธิภาษีเงินได้นิติบุคคล) โดยผู้ประกอบการหรือผู้ใช้บริการสามารถยื่นเรื่อง จดหมาย หรือเอกสารต่างๆ ผ่านระบบการยื่นเอกสารออนไลน์ หรือ “e–Submission” ผ่านเว็บไซต์บีโอไอได้ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ระบบการยื่นเอกสารออนไลน์นี้ใช้ได้กับการยื่นเอกสารต่อสำนักงานของบีโอไอในส่วนภูมิภาคทั้ง 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น นครราชสีมา ชลบุรี สงขลา และสุราษฎร์ธานี ด้วย
ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกของผู้ใช้บริการ นอกเหนือจากการติดต่อบีโอไอผ่านโทรศัพท์ อีเมล แล้ว บีโอไอได้เพิ่มช่องทางการติดต่อผ่านโซเชียลมีเดีย ได้แก่ ไลน์: @boinews เฟสบุ๊ก: BOI NEWS รวมทั้งสามารถนัดหมายเพื่อประชุมออนไลน์กับเจ้าหน้าที่ได้ โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.boi.go.th หัวข้อ e–Service.-สำนักข่าวไทย