เจ้าหน้าท่ีศาลยุติธรรมเริ่ม work from home 26 มี.ค.นี้!!!

กรุงเทพฯ 25 มี.ค. –  “เลขาฯศาลยุติธรรม” เผย จนท.ส่วนกลาง สนง.ศาลยุติธรรม work from home ป้องกันการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มได้ 26 มี.ค.นี้ 


นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้เปิดเผยถึงการทำแผน work from home ของสำนักต่างๆ ส่วนกลาง (21 หน่วย) ในสังกัดสำนักงานศาลุติธรรมว่า หลังจากเมื่อวาน (24 มี.ค.) ที่ตนได้ร่วมประชุมกับหัวหน้าหน่วยงานทั้ง 21 หน่วยถึงหลักการและแนวทางแล้ว ตนก็ได้มีหนังสือแจ้งถึงหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรมดังกล่าวเพื่อทราบแนวทางที่กำหนดไว้ 10 มาตรการ 

ขณะที่ล่าสุดวันนี้ (25 มี.ค.) มีหน่วยงานหลายสำนักทยอยเสนอแผนที่จะดำเนิการมาให้ตนพิจารณาแล้ว อาทิสำนักการต่างประเทศ , กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ , ศูนย์ห้องสมุด (ที่ตั้งชั้น 6 อาคารศาลอาญา) โดยลักษณะแผนต่างๆที่เสนอมานั้น เช่นการจัดงานแบ่งเป็นกลุ่ม และจัดงานให้ทำที่บ้าน อาทิมี 2 หรือ 3 ทีม สับเปลี่ยนเวรกันทำงานที่บ้าน ซึ่งต้องมีระบบรายงานการทำงานและติดตามผลงานด้วย อย่างไรก็ดีการเสนอแผนนั้นก็ต้องมีรายละเอียดระบุรูปแบบงาน-ช่วงเวลา-การจัดสรรบุคคลเพื่อการตรวจสอบได้ต่อไป ทั้งนี้คาดว่าภายในวันพรุ่งนี้ (26 มี.ค.) แต่ละหน่วยงานทยอยปฏิบัติตามแผน work from home ได้ทันที ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์แพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลายดีขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงาน  เกี่ยวกับแนวทางการกำหนดมาตรการ ให้เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรม ลูกจ้าง ทำงานนอกสถานที่ตั้งหรือการทำงานที่บ้าน ลักษณะ Work from Home ได้ชั่วคราวเป็นระยะเวลาตามที่กำหนด ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) มีมติรับทราบในหลักการและมาตรการที่จะใช้เป็นแนวทางให้หัวหน้าหน่วยงานส่วนกลาง สำนักงานศาลยุติธรรม พิจารณานำไปใช้กำหนดมาตรการการทำงานนอกสถานที่ตั้งของแต่ละหน่วยงาน

นายสราวุธ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้มีหนังสือลงวันที่ 24 มี.ค.63 ถึงหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรม เรื่องมาตรการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของหน่วยงาน ช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบุว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนการเฝ้าระวัง และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส รวมถึงดูแลคุณภาพชีวิตและการทำงานที่เหมาะสมให้กับข้าราชการศาลยุติธรรม , ลูกจ้าง , พนักงานราชการศาลยุติธรรมในสถานการณ์พิเศษ ที่จะไม่กระทบต่อภารกิจงานสนับสนุนการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล จึงเห็นควรกำหนดมาตรการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของหน่วยงาน ซึ่งมาตรการดังกล่าว กำหนดว่า

1.การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของหน่วยงาน หมายถึงการปฏิบัติงานของข้าราชการศาลยุติธรรม , ลูกจ้าง , พนักงานราชการศาลยุติธรรม นอกสถานที่ทำงานตามปกติ เช่น ในพื้นที่ที่หน่วยงานจัดไว้เป็นสถานที่ทำงานร่วม หรือสถานที่พักของเจ้าหน้าที่ (ลักษณะ work from home) หรือสถานที่อื่นใดที่หน่วยงานเห็นว่าเหมาะสม 


2.ผู้อำนวยการ อาจมอบหมายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของหน่วยงาน เป็นรายวัน/รายสัปดาห์ โดยกำหนดเป้าหมาย , ผลผลิต , ตัวชี้วัดการทำงาน , ระบบวิธีการสื่อสารติดตามการประเมินความก้าวหน้า , การรายงานผลการทำงาน หรือเรื่องอื่นที่พิจารณาเห็นว่ามีความจำเป็นต้องกำหนดตามบริบทการทำงานของหน่วยงานและตามความเหมาะสม รวมถึงให้สอดคล้องกับภารกิจสนับสนุนการพิจารณาพิพากษาคดีและงานที่เป็นความลับโดยไม่ให้เสียหายแก่งานราชการ

3.การมอบหมายปฏิบัติงานนอกสถานที่ฯ ให้ผู้อำนวยการ กำหนดจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ต้องมาปฏิบัติงาน , สถานที่ตั้งของหน่วยงาน , วิธีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปปฏิบัติราชการ ณ สถานที่ตั้งของหน่วยงาน ตามความเหมาะสมโดยไม่ให้เสียหายแก่ภารกิจราชการ 

4.การลงเวลาปฏิบัติราชการสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของหน่วยงาน ให้บันทึกในหมายเหตุของบัญชีวันทำการในระบบว่า “ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งวันที่ … ” โดยส่วนของผู้มาปฏิบัติงานตามปกติ ก็ให้ลงเวลาผ่านระบบบันทึกเวลาการมาปฏิบัติราชการตามปกติ

5.การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งฯ ตามมาตรการนี้ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และผู้ปฏิบัติงานมีสิทธิได้รับเงินเดือน , ค่าตอบแทน , ค่าตอบแทนพิเศษ หรือเงินอื่นใดที่จ่ายเพื่อตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามกฎหมาย 

6.ช่วงระหว่างการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งฯ ให้ผู้บังคับบัญชา กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน มีการติดต่อสื่อสารระหว่างกันโดยใช้เทคโนโลยีสนับสนุนในการทำงาน เช่น รายงานความก้าวหน้าของงานทุกวันผ่านทาง E-mail หรือแอพ Line เป็นต้น โดยให้ถือเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วย ที่ต้องให้ผู้บังคับบัญชาสามารถติดต่อผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้โดยเร็วตลอดช่วงเวลาที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของหน่วยงาน 

7.กรณีมีเหตุจำเป็น หรืออาจเกิดความเสียหายแก่ภารกิจราชการ ผู้อำนวยการอาจเรียกให้ผู้ที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งฯ กลับมาปฏิบัติงาน ณ สถานที่ตั้งของหน่วยงานก่อนครบกำหนดได้ 

8.กรณีผู้ที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งฯ ประสงค์จะลาเช่น ลาป่วย , ลากิจ , ลาพักผ่อน ให้เสนอใบลา ผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ E-mail หรือแอพ Line เป็นต้น

9.การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อำนวยการที่กำหนดตามมาตรการนี้ หรือปกปิดข้อมูลอันมีเหตุอันควรสงสัยว่าตนมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยไม่แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ถือเป็นการกระทำความผิดวินัยฐานขัดขืนหรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาหรือปกปิดข้อความซึ่งควรต้องแจ้ง 

10.มาตรการนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้ (24 มี.ค.63) เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคจะคลี่คลาย หรือสำนักงานศาลยุติธรรมเห็นควรกำหนดเป็นอย่างอื่น .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย