ยะลาพบผู้ป่วย “โควิด-19” วันเดียว 17 คน

กทม./ภูมิภาค 24 มี.ค. – ผู้ว่าฯ ยะลา แถลงพบผู้ป่วยติดเชื้อ “โควิด-19” วันเดียว 17 คน ทั้งหมดเดินทางไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย ส่วน จ.สระแก้ว พบผู้ป่วย “โควิด-19” 2 รายแรกของจังหวัด ด้าน จ.บุรีรัมย์ ยืนยันพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 4 คน รวมสะสม 5 คน

กระทรวงสาธารณสุขแถลงพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มเติมอีก 122 คน ทำให้ยอดรวมสะสมอยู่ที่ 721 คน พร้อมแนะหากคนไทยเพิกเฉยไม่ร่วมควบคุมโรค หรือไม่มีระยะห่างระหว่างกัน อาจทำให้ตัวเลขผู้ป่วยสูงเท่ากับอิตาลี ขณะที่จังหวัดยะลา พบผู้ป่วยโควิด-19 วันเดียว 17 คน

กระทรวงสาธารณสุขแถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่าพบผู้ป่วยเพิ่มเติมจากเดิม 122 คน ทำให้ยอดรวมสะสมอยู่ที่ 721 คน ภาพรวมรักษาหายกลับบ้านได้แล้ว 52 คน เหลือรักษาตัวในโรงพยาบาล 668 คน โดยในจำนวนนี้มีผู้ป่วยอาการหนัก 7 คน สำหรับผู้ป่วยขณะนี้เป็นกลุ่มวัยทำงาน และเป็นชายมากกว่าหญิง อายุระหว่าง 30-39 ปี รองลงมาคือ 20-29 ปี พร้อมแสดงความเห็นห่วงประชาชนที่แห่เดินทางกลับต่างจังหวัด ให้ช่วยเฝ้าระวังโรคเป็นระยะเวลา 14 วัน เพื่อความปลอดภัย และป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่คนใกล้ชิด


สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ที่พบเป็นกลุ่มผู้ป่วยเดิมที่มีการติดตามไว้ในกลุ่มสนามมวย 4 คน เป็นทั้งพี่เลี้ยง นักมวย และกลุ่มผู้ชม อยู่ในพื้นที่นนทบุรี นครปฐม และอุบลราชธานี กลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มสนามมวยที่ป่วยไปก่อนหน้านี้ 16 คน

นอกจากนี้กลุ่มผู้ป่วยรายใหม่ยังมีกลุ่มที่กลับมาจากต่างประเทศ รวมถึงกลุ่มที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้คนและชาวต่างชาติ อาทิ คนส่งของ นักเรียน พนักงานนวด คนขับรถ ดีเจ และชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย ทั้งเยอรมนี และฝรั่งเศส อีก 10 คน ส่วนอีก 92 คน เป็นกลุ่มที่ตรวจพบเชื้อระหว่างที่สอบสวนโรค เพราะใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อก่อนหน้านี้

ด้านนายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เนื่องจากเปลี่ยนวิธีการตรวจยืนยันในห้องปฏิบัติการใหม่ จากต้องรอยืนยัน 2 แล็บ เป็นเหลือแล็บเดียว เพื่อความรวดเร็ว โดยสถานการณ์ในวันนี้อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าการแจ้งเตือนให้มีระยะห่าง 1-2 เมตร เพื่อไม่ให้ต้องเผชิญสถานการณ์เหมือนอิตาลีและอิหร่าน หากมีระยะห่างที่เหมาะสม ไม่เคลื่อนย้ายไปแพร่โรคสู่ผู้อื่น สถานการณ์ของไทยจะเหมือนกับญี่ปุ่นและสิงคโปร์ พร้อมแสดงความเห็นห่วงกรณีประชาชนกลับภูมิลำเนาต่างจังหวัด เพราะผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการอาจเสี่ยงเป็นผู้แพร่เชื้อ


ขณะที่ตัวเลขของไทย หลังจากนี้จะเหมือนกับประเทศอื่นที่ยอดจะเพิ่มขึ้นหลัก 100 คนต่อวัน และหลังจากนี้จะยังเพิ่มสูงขึ้นไปอีกระยะ แต่หากไม่ช่วยกันป้องกันอาจมีผู้ป่วยมากถึง 10,000 คน ภายใน 1-2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม กระทรวงมีการสำรองเตียง 10,000 เตียง ไว้รองรับผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง และผู้ป่วยหนัก 2,000-3,000 คน ซึ่งการดูแลผู้ป่วยนั้น กระทรวงสาธารณสุขพยายามสื่อสารส่งสัญญาณ เตือนและห้ามการเดินทาง รวมถึงลดการสัมผัสใกล้ชิดเพื่อไม่ให้โรครุนแรง หรือพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น หากมีจำนวนมาก การบริการสาธารณสุขอาจดูแลไม่ทั่วถึงเหมือนอิตาลี และสหรัฐอเมริกา พร้อมกันนี้ยืนยันว่าโรคโควิด-19 พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงในอายุ 70-80 ปี และยืนยันว่าการติดเชื้อในอิตาลี ไม่ได้รุนแรงกว่าเชื้อในประเทศอื่นๆ

สำหรับภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ของไทย หากดูจากกราฟตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา พบว่าช่วงแรกๆ จนถึงประมาณกลางเดือน พบว่าสถานการณ์ทรงตัว มีผู้ป่วยสะสมยังไม่ถึง 100 คน แต่หลังจากวันที่ 14 มีนาคมเป็นต้นมา ปรากฏว่าพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด โฟกัสเฉพาะวันที่ 14-17 มีนาคม มีผู้ป่วยเฉลี่ยรายวันประมาณ 30-35 คน ส่วนยอดรวมพุ่งไปที่ 212 คน จากนั้นวันที่ 18 มีนาคม มียอดป่วยเพิ่ม 60 คน และยอดพุ่งอย่างรวดเร็วในวันที่ 21 มีนาคม ที่วันเดียวพบผู้ป่วย 188 คน และยอดรวมทะลุ 599 คน จนกระทั่งปัจจุบันมียอดรวมผู้ป่วย 721 คน

ส่วนกรณีคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ สำหรับผู้ที่มาจากเขตโรคติดต่ออันตราย 4 ประเทศ 2 เขตปกครองพิเศษ ต้องกักตัวอยู่ในที่พำนัก 14 วันทุกคน และห้ามออกจากสถานที่เด็ดขาด ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง 29 ประเทศ ตามที่องค์การอนามัยโลกรายงาน จะต้องถูกสังเกตอาการในที่พัก 14 วัน อย่างไรก็ตาม การเดินทางกลับเข้าไทยหลังจากนี้จะต้องมีเอกสารรับรองแพทย์ รวมถึงต้องมีหนังสือรับรองการเดินทางจากสถานทูต

ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (23 มี.ค.) นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อ 17 คน แบ่งเป็นจากอำเภอบันนังสตา 9 คน, เมืองยะลา 4 คน, รามัน 3 คน และธารโต 1 คน โดยมีผู้ต้องคัดกรองเพราะสงสัยติดเชื้ออีก 25 คน และมีผู้สัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มผู้ติดเชื้อ 239 คน โดยทั้งหมดได้เดินทางไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่มัสยิดศรีเปตาลิง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ขณะนี้ได้มีการคัดกรองผู้ใกล้ชิดคนอื่นๆ อย่างเข้มข้น

ส่วนที่บุรีรัมย์ นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ยืนยันพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 4 คน รวมสะสม 5 คน โดยเป็นชายชาวต่างชาติ วัย 69 ปี 1 คน ส่วนอีก 4 คน เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 33-34 ปี ซึ่งที่บุรีรัมย์มีมาตรการปิดห้างสรรพสินค้า ยกเว้นซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา และสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง รวมถึงกรุงเทพฯ ให้กักตัวอยู่บ้านเป็นเวลา 14 วัน หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ที่สระแก้ว มีการแถลงยืนยันว่าพบผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 2 รายแรกของจังหวัด เป็นเพศชาย อายุ 29 ปี ชาวสมุทรปราการ และเพศหญิง อายุ 27 ปี ชาวสระแก้ว จากการสอบสวนโรคพบว่ารายแรกเป็นนักท่องเที่ยวที่ไปสถานบันเทิงในฝั่งปอยเปต ส่วนรายที่ 2 ไม่แสดงอาการ แต่มีประวัติเสี่ยงสูงที่จะสัมผัสผู้ป่วย จึงเข้ารับการตรวจและพบว่ามีเชื้อ ส่วนการติดตามสอบสวนโรคผู้ใกล้ชิด 6 คน ไม่พบเชื้อ แต่ต้องกักตัว 14 วัน ส่วนผู้ใกล้ชิดเสี่ยงสูง 6 คน กำลังรอผล

ที่เชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แถลงยืนยันพบผู้ป่วยเพิ่มเติมอีก 1 คน ซึ่งเป็นกลุ่มครอบครัวของผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ทำให้ยอดรวมสะสมทะลุ 13 คน ในจำนวนนี้รักษาหายแล้ว 1 คน ส่วนใหญ่อาการทรงตัว และมีผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังเหลือ 105 คน

เช่นเดียกับที่เพชรบุรี ล่าสุดนายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัด ยืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 1 คน เป็นชายไทยวัย 23 ปี ทำงานที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในอำเภอชะอำ ซึ่งมีภรรยาเป็นชาวลาว ทำงานในกาสิโนในกัมพูชา จากการสอบสวนโรคพบว่าภรรยาของชายไทยรายนี้ป่วยโควิด-19 และรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในอำเภอหัวหิน ขณะที่ชายคนดังกล่าวมีอาการป่วย จึงไปตรวจหาเชื้อ แต่ปกปิดข้อมูลเรื่องที่ภรรยาทำงานในกาสิโนที่กัมพูชา

ที่สงขลา แม้มีการปิดชายแดนไทย-มาเลเซีย ห้ามบุคคลทุกสัญชาติเข้า-ออก แต่ล่าสุดนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัด แถลงยืนยันว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มเติม 1 คน รวมสะสม 6 คน โดยทั้งหมดเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาในมาเลเซีย ขณะที่มีผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง 210 ราย แต่ตรวจไม่พบเชื้อ 190 ราย แต่ยังรอผลตรวจยืนยันรอบที่ 2 จากส่วนกลาง 12 ราย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

ภรรยาช็อก สามีเสียชีวิตกลางวงสังสรรค์ที่อิสราเอล

อุดรธานี 12 มิ.ย. – ภรรยาช็อก สามีเสียชีวิตที่อิสราเอล นั่งคุยกับเพื่อนเรื่องลูกสาว จู่ๆ วูบดับคาโต๊ะกลางวงสังสรรค์ เชื่อทำงานต่างแดน โหมงานหนักจนเสียชีวิต เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษฎาง พูนเจ๊กมะดัน อายุ 39 ปี ชาวบ้านลานเต อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.68 ขณะไปทำงานที่อิสราเอล เจ้าหน้าที่จากสำนักงานจัดหางานจังหวัดอุดรธานี ประกันสังคมจังหวัด แรงงานจังหวัด และผู้สื่อข่าว เดินทางลงพื้นที่ร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัว จากการตรวจสอบข้อมูล ทราบว่า นายกฤษฎาง เคยเดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอลเมื่อปี พ.ศ.2553 โดยบริษัทจัดหางานจัดส่ง ต่อมาได้เดินทางไปทำงานในประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 6 พ.ค.67 ภายหลังได้รับการติดต่อจากนายจ้างในรัฐอิสราเอลให้เดินทางกลับไปทำงานอีกเป็นครั้งที่ 2 จึงได้ตัดสินใจเดินทางเข้าไปทำงานต่อในรัฐอิสราเอลเมื่อ ม.ค.68 ในส่วนข้อมูลประกันสังคมพบข้อมูลผู้เสียชีวิตสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551 และมีเงินสะสมกรณีบำเหน็จชราภาพ จำนวน […]

ร่างตัวประกันไทยรายสุดท้ายที่เสียชีวิตในกาซา ถึงไทยแล้ว

11 มิ.ย. – ร่างแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ถึงไทยแล้ว ด้านกระทรวงแรงงาน เผยเร่งช่วยเหลือครอบครัวและทายาท ร่างของนายณัฐพงษ์ ปินตา แรงงานไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ที่ถูกส่งกลับมาด้วยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (11 มิ.ย.) โดยมี นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงผู้แทนเอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย มารอรับ และร่วมวางพวงหรีดหน้าหีบศพเพื่อแสดงความอาลัย โดยนายณัฐพงษ์ เป็นตัวประกันแรงงานไทยรายสุดท้ายที่ค้นพบร่างและสามารถส่งกลับไทยได้ สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาที่ทายาทจะได้รับ คือ 1.ในส่วนของสถาบันประกันภัยอิสราเอล กรณีแรงงานเสียชีวิต ครอบครัวหรือทายาทจะได้รับเงินชดเชย ได้แก่ ค่าทำศพ ประมาณ 79,000 บาท, ค่าใช้จ่ายในการฝังศพเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 47,000 บาท (1,300 USD), เงินช่วยเหลือการเป็นม่าย (หากมีภรรยา) ประมาณ 57,000 บาท, เงินชดเชยรายเดือนและรายปีอื่นๆ […]

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]