ยะลาพบผู้ป่วย “โควิด-19” วันเดียว 17 คน

กทม./ภูมิภาค 24 มี.ค. – ผู้ว่าฯ ยะลา แถลงพบผู้ป่วยติดเชื้อ “โควิด-19” วันเดียว 17 คน ทั้งหมดเดินทางไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย ส่วน จ.สระแก้ว พบผู้ป่วย “โควิด-19” 2 รายแรกของจังหวัด ด้าน จ.บุรีรัมย์ ยืนยันพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 4 คน รวมสะสม 5 คน

กระทรวงสาธารณสุขแถลงพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มเติมอีก 122 คน ทำให้ยอดรวมสะสมอยู่ที่ 721 คน พร้อมแนะหากคนไทยเพิกเฉยไม่ร่วมควบคุมโรค หรือไม่มีระยะห่างระหว่างกัน อาจทำให้ตัวเลขผู้ป่วยสูงเท่ากับอิตาลี ขณะที่จังหวัดยะลา พบผู้ป่วยโควิด-19 วันเดียว 17 คน

กระทรวงสาธารณสุขแถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่าพบผู้ป่วยเพิ่มเติมจากเดิม 122 คน ทำให้ยอดรวมสะสมอยู่ที่ 721 คน ภาพรวมรักษาหายกลับบ้านได้แล้ว 52 คน เหลือรักษาตัวในโรงพยาบาล 668 คน โดยในจำนวนนี้มีผู้ป่วยอาการหนัก 7 คน สำหรับผู้ป่วยขณะนี้เป็นกลุ่มวัยทำงาน และเป็นชายมากกว่าหญิง อายุระหว่าง 30-39 ปี รองลงมาคือ 20-29 ปี พร้อมแสดงความเห็นห่วงประชาชนที่แห่เดินทางกลับต่างจังหวัด ให้ช่วยเฝ้าระวังโรคเป็นระยะเวลา 14 วัน เพื่อความปลอดภัย และป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่คนใกล้ชิด


สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ที่พบเป็นกลุ่มผู้ป่วยเดิมที่มีการติดตามไว้ในกลุ่มสนามมวย 4 คน เป็นทั้งพี่เลี้ยง นักมวย และกลุ่มผู้ชม อยู่ในพื้นที่นนทบุรี นครปฐม และอุบลราชธานี กลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มสนามมวยที่ป่วยไปก่อนหน้านี้ 16 คน

นอกจากนี้กลุ่มผู้ป่วยรายใหม่ยังมีกลุ่มที่กลับมาจากต่างประเทศ รวมถึงกลุ่มที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้คนและชาวต่างชาติ อาทิ คนส่งของ นักเรียน พนักงานนวด คนขับรถ ดีเจ และชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย ทั้งเยอรมนี และฝรั่งเศส อีก 10 คน ส่วนอีก 92 คน เป็นกลุ่มที่ตรวจพบเชื้อระหว่างที่สอบสวนโรค เพราะใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อก่อนหน้านี้

ด้านนายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เนื่องจากเปลี่ยนวิธีการตรวจยืนยันในห้องปฏิบัติการใหม่ จากต้องรอยืนยัน 2 แล็บ เป็นเหลือแล็บเดียว เพื่อความรวดเร็ว โดยสถานการณ์ในวันนี้อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าการแจ้งเตือนให้มีระยะห่าง 1-2 เมตร เพื่อไม่ให้ต้องเผชิญสถานการณ์เหมือนอิตาลีและอิหร่าน หากมีระยะห่างที่เหมาะสม ไม่เคลื่อนย้ายไปแพร่โรคสู่ผู้อื่น สถานการณ์ของไทยจะเหมือนกับญี่ปุ่นและสิงคโปร์ พร้อมแสดงความเห็นห่วงกรณีประชาชนกลับภูมิลำเนาต่างจังหวัด เพราะผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการอาจเสี่ยงเป็นผู้แพร่เชื้อ


ขณะที่ตัวเลขของไทย หลังจากนี้จะเหมือนกับประเทศอื่นที่ยอดจะเพิ่มขึ้นหลัก 100 คนต่อวัน และหลังจากนี้จะยังเพิ่มสูงขึ้นไปอีกระยะ แต่หากไม่ช่วยกันป้องกันอาจมีผู้ป่วยมากถึง 10,000 คน ภายใน 1-2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม กระทรวงมีการสำรองเตียง 10,000 เตียง ไว้รองรับผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง และผู้ป่วยหนัก 2,000-3,000 คน ซึ่งการดูแลผู้ป่วยนั้น กระทรวงสาธารณสุขพยายามสื่อสารส่งสัญญาณ เตือนและห้ามการเดินทาง รวมถึงลดการสัมผัสใกล้ชิดเพื่อไม่ให้โรครุนแรง หรือพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น หากมีจำนวนมาก การบริการสาธารณสุขอาจดูแลไม่ทั่วถึงเหมือนอิตาลี และสหรัฐอเมริกา พร้อมกันนี้ยืนยันว่าโรคโควิด-19 พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงในอายุ 70-80 ปี และยืนยันว่าการติดเชื้อในอิตาลี ไม่ได้รุนแรงกว่าเชื้อในประเทศอื่นๆ

สำหรับภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ของไทย หากดูจากกราฟตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา พบว่าช่วงแรกๆ จนถึงประมาณกลางเดือน พบว่าสถานการณ์ทรงตัว มีผู้ป่วยสะสมยังไม่ถึง 100 คน แต่หลังจากวันที่ 14 มีนาคมเป็นต้นมา ปรากฏว่าพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด โฟกัสเฉพาะวันที่ 14-17 มีนาคม มีผู้ป่วยเฉลี่ยรายวันประมาณ 30-35 คน ส่วนยอดรวมพุ่งไปที่ 212 คน จากนั้นวันที่ 18 มีนาคม มียอดป่วยเพิ่ม 60 คน และยอดพุ่งอย่างรวดเร็วในวันที่ 21 มีนาคม ที่วันเดียวพบผู้ป่วย 188 คน และยอดรวมทะลุ 599 คน จนกระทั่งปัจจุบันมียอดรวมผู้ป่วย 721 คน

ส่วนกรณีคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ สำหรับผู้ที่มาจากเขตโรคติดต่ออันตราย 4 ประเทศ 2 เขตปกครองพิเศษ ต้องกักตัวอยู่ในที่พำนัก 14 วันทุกคน และห้ามออกจากสถานที่เด็ดขาด ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง 29 ประเทศ ตามที่องค์การอนามัยโลกรายงาน จะต้องถูกสังเกตอาการในที่พัก 14 วัน อย่างไรก็ตาม การเดินทางกลับเข้าไทยหลังจากนี้จะต้องมีเอกสารรับรองแพทย์ รวมถึงต้องมีหนังสือรับรองการเดินทางจากสถานทูต

ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (23 มี.ค.) นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อ 17 คน แบ่งเป็นจากอำเภอบันนังสตา 9 คน, เมืองยะลา 4 คน, รามัน 3 คน และธารโต 1 คน โดยมีผู้ต้องคัดกรองเพราะสงสัยติดเชื้ออีก 25 คน และมีผู้สัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มผู้ติดเชื้อ 239 คน โดยทั้งหมดได้เดินทางไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่มัสยิดศรีเปตาลิง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ขณะนี้ได้มีการคัดกรองผู้ใกล้ชิดคนอื่นๆ อย่างเข้มข้น

ส่วนที่บุรีรัมย์ นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ยืนยันพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 4 คน รวมสะสม 5 คน โดยเป็นชายชาวต่างชาติ วัย 69 ปี 1 คน ส่วนอีก 4 คน เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 33-34 ปี ซึ่งที่บุรีรัมย์มีมาตรการปิดห้างสรรพสินค้า ยกเว้นซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา และสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง รวมถึงกรุงเทพฯ ให้กักตัวอยู่บ้านเป็นเวลา 14 วัน หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ที่สระแก้ว มีการแถลงยืนยันว่าพบผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 2 รายแรกของจังหวัด เป็นเพศชาย อายุ 29 ปี ชาวสมุทรปราการ และเพศหญิง อายุ 27 ปี ชาวสระแก้ว จากการสอบสวนโรคพบว่ารายแรกเป็นนักท่องเที่ยวที่ไปสถานบันเทิงในฝั่งปอยเปต ส่วนรายที่ 2 ไม่แสดงอาการ แต่มีประวัติเสี่ยงสูงที่จะสัมผัสผู้ป่วย จึงเข้ารับการตรวจและพบว่ามีเชื้อ ส่วนการติดตามสอบสวนโรคผู้ใกล้ชิด 6 คน ไม่พบเชื้อ แต่ต้องกักตัว 14 วัน ส่วนผู้ใกล้ชิดเสี่ยงสูง 6 คน กำลังรอผล

ที่เชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แถลงยืนยันพบผู้ป่วยเพิ่มเติมอีก 1 คน ซึ่งเป็นกลุ่มครอบครัวของผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ทำให้ยอดรวมสะสมทะลุ 13 คน ในจำนวนนี้รักษาหายแล้ว 1 คน ส่วนใหญ่อาการทรงตัว และมีผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังเหลือ 105 คน

เช่นเดียกับที่เพชรบุรี ล่าสุดนายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัด ยืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 1 คน เป็นชายไทยวัย 23 ปี ทำงานที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในอำเภอชะอำ ซึ่งมีภรรยาเป็นชาวลาว ทำงานในกาสิโนในกัมพูชา จากการสอบสวนโรคพบว่าภรรยาของชายไทยรายนี้ป่วยโควิด-19 และรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในอำเภอหัวหิน ขณะที่ชายคนดังกล่าวมีอาการป่วย จึงไปตรวจหาเชื้อ แต่ปกปิดข้อมูลเรื่องที่ภรรยาทำงานในกาสิโนที่กัมพูชา

ที่สงขลา แม้มีการปิดชายแดนไทย-มาเลเซีย ห้ามบุคคลทุกสัญชาติเข้า-ออก แต่ล่าสุดนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัด แถลงยืนยันว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มเติม 1 คน รวมสะสม 6 คน โดยทั้งหมดเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาในมาเลเซีย ขณะที่มีผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง 210 ราย แต่ตรวจไม่พบเชื้อ 190 ราย แต่ยังรอผลตรวจยืนยันรอบที่ 2 จากส่วนกลาง 12 ราย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างหน้าวชิรพยาบาล แนะเลี่ยงเส้นทาง

24 ก.ย.- ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างบริเวณหน้าวชิรพยาบาล จนท.เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-ประชาชนใกล้เคียง ออกนอกพื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเส้นทางอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจร ช่วงประมาณ 07.13 น. ศูนย์วิทยุพระราม199 รางานเหตุถนนทรุดตัวเป็นบริเวณกว้างใกล้เคียงอาคารของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน ถึงที่เกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นถนนทรุดตัวขนาดใหญ่ เป็นหลุมกว้าง 30 x 30 เมตร ลึก 50 เมตร ทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าสถานีตำรวจสามเสน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนใกล้เคียง ออกจากจุดที่เกิดเหตุ ล่าสุดสำนักงานเขตดุสิต แจ้งปิดการจราจรแยกวชิรพยาบาล – แยกซังฮี้ และบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ เนื่องจากเหตุผิวจราจรทรุดตัวส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคโดยรอบ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรใกล้เคียงได้ -สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักบางพื้นที่-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนภาคอีสาน ภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง มีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.นครพนม จันทบุรี และตราด ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ และภาคกลาง มีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครพนม จันทบุรี และตราด ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 […]

ชนกัน 10 คันรวด ทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกเสาเข็ม เบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน เป็นคนไทย 3 คน และชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก […]

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]