ยะลาพบผู้ป่วย “โควิด-19” วันเดียว 17 คน

กทม./ภูมิภาค 24 มี.ค. – ผู้ว่าฯ ยะลา แถลงพบผู้ป่วยติดเชื้อ “โควิด-19” วันเดียว 17 คน ทั้งหมดเดินทางไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย ส่วน จ.สระแก้ว พบผู้ป่วย “โควิด-19” 2 รายแรกของจังหวัด ด้าน จ.บุรีรัมย์ ยืนยันพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 4 คน รวมสะสม 5 คน

กระทรวงสาธารณสุขแถลงพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มเติมอีก 122 คน ทำให้ยอดรวมสะสมอยู่ที่ 721 คน พร้อมแนะหากคนไทยเพิกเฉยไม่ร่วมควบคุมโรค หรือไม่มีระยะห่างระหว่างกัน อาจทำให้ตัวเลขผู้ป่วยสูงเท่ากับอิตาลี ขณะที่จังหวัดยะลา พบผู้ป่วยโควิด-19 วันเดียว 17 คน

กระทรวงสาธารณสุขแถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่าพบผู้ป่วยเพิ่มเติมจากเดิม 122 คน ทำให้ยอดรวมสะสมอยู่ที่ 721 คน ภาพรวมรักษาหายกลับบ้านได้แล้ว 52 คน เหลือรักษาตัวในโรงพยาบาล 668 คน โดยในจำนวนนี้มีผู้ป่วยอาการหนัก 7 คน สำหรับผู้ป่วยขณะนี้เป็นกลุ่มวัยทำงาน และเป็นชายมากกว่าหญิง อายุระหว่าง 30-39 ปี รองลงมาคือ 20-29 ปี พร้อมแสดงความเห็นห่วงประชาชนที่แห่เดินทางกลับต่างจังหวัด ให้ช่วยเฝ้าระวังโรคเป็นระยะเวลา 14 วัน เพื่อความปลอดภัย และป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่คนใกล้ชิด


สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ที่พบเป็นกลุ่มผู้ป่วยเดิมที่มีการติดตามไว้ในกลุ่มสนามมวย 4 คน เป็นทั้งพี่เลี้ยง นักมวย และกลุ่มผู้ชม อยู่ในพื้นที่นนทบุรี นครปฐม และอุบลราชธานี กลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มสนามมวยที่ป่วยไปก่อนหน้านี้ 16 คน

นอกจากนี้กลุ่มผู้ป่วยรายใหม่ยังมีกลุ่มที่กลับมาจากต่างประเทศ รวมถึงกลุ่มที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้คนและชาวต่างชาติ อาทิ คนส่งของ นักเรียน พนักงานนวด คนขับรถ ดีเจ และชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย ทั้งเยอรมนี และฝรั่งเศส อีก 10 คน ส่วนอีก 92 คน เป็นกลุ่มที่ตรวจพบเชื้อระหว่างที่สอบสวนโรค เพราะใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อก่อนหน้านี้

ด้านนายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เนื่องจากเปลี่ยนวิธีการตรวจยืนยันในห้องปฏิบัติการใหม่ จากต้องรอยืนยัน 2 แล็บ เป็นเหลือแล็บเดียว เพื่อความรวดเร็ว โดยสถานการณ์ในวันนี้อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าการแจ้งเตือนให้มีระยะห่าง 1-2 เมตร เพื่อไม่ให้ต้องเผชิญสถานการณ์เหมือนอิตาลีและอิหร่าน หากมีระยะห่างที่เหมาะสม ไม่เคลื่อนย้ายไปแพร่โรคสู่ผู้อื่น สถานการณ์ของไทยจะเหมือนกับญี่ปุ่นและสิงคโปร์ พร้อมแสดงความเห็นห่วงกรณีประชาชนกลับภูมิลำเนาต่างจังหวัด เพราะผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการอาจเสี่ยงเป็นผู้แพร่เชื้อ


ขณะที่ตัวเลขของไทย หลังจากนี้จะเหมือนกับประเทศอื่นที่ยอดจะเพิ่มขึ้นหลัก 100 คนต่อวัน และหลังจากนี้จะยังเพิ่มสูงขึ้นไปอีกระยะ แต่หากไม่ช่วยกันป้องกันอาจมีผู้ป่วยมากถึง 10,000 คน ภายใน 1-2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม กระทรวงมีการสำรองเตียง 10,000 เตียง ไว้รองรับผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง และผู้ป่วยหนัก 2,000-3,000 คน ซึ่งการดูแลผู้ป่วยนั้น กระทรวงสาธารณสุขพยายามสื่อสารส่งสัญญาณ เตือนและห้ามการเดินทาง รวมถึงลดการสัมผัสใกล้ชิดเพื่อไม่ให้โรครุนแรง หรือพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น หากมีจำนวนมาก การบริการสาธารณสุขอาจดูแลไม่ทั่วถึงเหมือนอิตาลี และสหรัฐอเมริกา พร้อมกันนี้ยืนยันว่าโรคโควิด-19 พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงในอายุ 70-80 ปี และยืนยันว่าการติดเชื้อในอิตาลี ไม่ได้รุนแรงกว่าเชื้อในประเทศอื่นๆ

สำหรับภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ของไทย หากดูจากกราฟตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา พบว่าช่วงแรกๆ จนถึงประมาณกลางเดือน พบว่าสถานการณ์ทรงตัว มีผู้ป่วยสะสมยังไม่ถึง 100 คน แต่หลังจากวันที่ 14 มีนาคมเป็นต้นมา ปรากฏว่าพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด โฟกัสเฉพาะวันที่ 14-17 มีนาคม มีผู้ป่วยเฉลี่ยรายวันประมาณ 30-35 คน ส่วนยอดรวมพุ่งไปที่ 212 คน จากนั้นวันที่ 18 มีนาคม มียอดป่วยเพิ่ม 60 คน และยอดพุ่งอย่างรวดเร็วในวันที่ 21 มีนาคม ที่วันเดียวพบผู้ป่วย 188 คน และยอดรวมทะลุ 599 คน จนกระทั่งปัจจุบันมียอดรวมผู้ป่วย 721 คน

ส่วนกรณีคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ สำหรับผู้ที่มาจากเขตโรคติดต่ออันตราย 4 ประเทศ 2 เขตปกครองพิเศษ ต้องกักตัวอยู่ในที่พำนัก 14 วันทุกคน และห้ามออกจากสถานที่เด็ดขาด ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง 29 ประเทศ ตามที่องค์การอนามัยโลกรายงาน จะต้องถูกสังเกตอาการในที่พัก 14 วัน อย่างไรก็ตาม การเดินทางกลับเข้าไทยหลังจากนี้จะต้องมีเอกสารรับรองแพทย์ รวมถึงต้องมีหนังสือรับรองการเดินทางจากสถานทูต

ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (23 มี.ค.) นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อ 17 คน แบ่งเป็นจากอำเภอบันนังสตา 9 คน, เมืองยะลา 4 คน, รามัน 3 คน และธารโต 1 คน โดยมีผู้ต้องคัดกรองเพราะสงสัยติดเชื้ออีก 25 คน และมีผู้สัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มผู้ติดเชื้อ 239 คน โดยทั้งหมดได้เดินทางไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่มัสยิดศรีเปตาลิง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ขณะนี้ได้มีการคัดกรองผู้ใกล้ชิดคนอื่นๆ อย่างเข้มข้น

ส่วนที่บุรีรัมย์ นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ยืนยันพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 4 คน รวมสะสม 5 คน โดยเป็นชายชาวต่างชาติ วัย 69 ปี 1 คน ส่วนอีก 4 คน เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 33-34 ปี ซึ่งที่บุรีรัมย์มีมาตรการปิดห้างสรรพสินค้า ยกเว้นซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา และสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง รวมถึงกรุงเทพฯ ให้กักตัวอยู่บ้านเป็นเวลา 14 วัน หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ที่สระแก้ว มีการแถลงยืนยันว่าพบผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 2 รายแรกของจังหวัด เป็นเพศชาย อายุ 29 ปี ชาวสมุทรปราการ และเพศหญิง อายุ 27 ปี ชาวสระแก้ว จากการสอบสวนโรคพบว่ารายแรกเป็นนักท่องเที่ยวที่ไปสถานบันเทิงในฝั่งปอยเปต ส่วนรายที่ 2 ไม่แสดงอาการ แต่มีประวัติเสี่ยงสูงที่จะสัมผัสผู้ป่วย จึงเข้ารับการตรวจและพบว่ามีเชื้อ ส่วนการติดตามสอบสวนโรคผู้ใกล้ชิด 6 คน ไม่พบเชื้อ แต่ต้องกักตัว 14 วัน ส่วนผู้ใกล้ชิดเสี่ยงสูง 6 คน กำลังรอผล

ที่เชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แถลงยืนยันพบผู้ป่วยเพิ่มเติมอีก 1 คน ซึ่งเป็นกลุ่มครอบครัวของผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ทำให้ยอดรวมสะสมทะลุ 13 คน ในจำนวนนี้รักษาหายแล้ว 1 คน ส่วนใหญ่อาการทรงตัว และมีผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังเหลือ 105 คน

เช่นเดียกับที่เพชรบุรี ล่าสุดนายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัด ยืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 1 คน เป็นชายไทยวัย 23 ปี ทำงานที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในอำเภอชะอำ ซึ่งมีภรรยาเป็นชาวลาว ทำงานในกาสิโนในกัมพูชา จากการสอบสวนโรคพบว่าภรรยาของชายไทยรายนี้ป่วยโควิด-19 และรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในอำเภอหัวหิน ขณะที่ชายคนดังกล่าวมีอาการป่วย จึงไปตรวจหาเชื้อ แต่ปกปิดข้อมูลเรื่องที่ภรรยาทำงานในกาสิโนที่กัมพูชา

ที่สงขลา แม้มีการปิดชายแดนไทย-มาเลเซีย ห้ามบุคคลทุกสัญชาติเข้า-ออก แต่ล่าสุดนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัด แถลงยืนยันว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มเติม 1 คน รวมสะสม 6 คน โดยทั้งหมดเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาในมาเลเซีย ขณะที่มีผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง 210 ราย แต่ตรวจไม่พบเชื้อ 190 ราย แต่ยังรอผลตรวจยืนยันรอบที่ 2 จากส่วนกลาง 12 ราย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]