ผู้ตรวจฯ บุกโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย หาข้อเท็จจริงหน้ากากขาดตลาด

นนทบุรี 19 มี.ค.-ผู้ตรวจการแผ่นดินบุกโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย หาข้อเท็จจริงกรณีหน้ากากขาดตลาด-ส่งออกต่างประเทศ ผู้บริหารโรงงานฯ ยืนยันเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในควบคุมทุกขั้นตอน ไม่มีลักลอบจำหน่าย-กักตุน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 มี.ค.) เวลา 10.00 น. พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน  มอบหมายให้ พ.ท.เทพจิต วีณะคุปต์ ผอ.สำนักสอบสวน 4 ผู้ตรวจการแผ่นดิน  พร้อมด้วย ร.ต.อ.พงศกร มีพันธุ์ เจ้าหน้าที่สอบสวน ลงพื้นที่ บริษัท ไทยฮอสพิทอล โปรดักส์ จำกัด  ซึ่งเป็นโรงงานผู้ผลิตหน้ากากอนามัยรายใหญ่ย่านปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เพื่อหาข้อเท็จจริงในเรื่องการผลิตและการกักตุนสินค้า โดยได้ตรวจดูสถานที่เก็บและผลิตสินค้า

นายชินวัฒน์ มธุรพร รองประธานบริหารฯ และ นายไพศาล จารุรักษา ผู้จัดการโรงงานฯ ชี้แจงถึงการดำเนินการของบริษัทฯ ว่า ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ผลิตหน้ากากอนามัยและเครื่องมือแพทย์ส่งออกเป็นสำคัญ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90 ขณะที่ขายในประเทศเพียงร้อยละ 10 แต่ปัจจุบันขายหน้ากากอนามัยในประเทศให้องค์กรเภสัชกรรมเท่านั้น ไม่ต่ำกว่า 400,000-550,000 ชิ้นต่อวัน ซึ่งเพิ่มกำลังการผลิตอย่างเต็มที่ จากที่ผ่านมาโรงงานผลิตวันละ 200,000 ชิ้น ซึ่งราคาจากโรงงานไม่เกินชิ้นละ 2 บาท พร้อมระบุว่าปัจจุบันวัตถุดิบขาดแคลน หายากขึ้น


นายชินวัฒน์ เปิดเผยด้วยว่า สำหรับสต็อกของโรงงานขณะนี้มี 10 ล้านชิ้น เป็นการจ้างผลิตจากลูกค้าต่างประเทศที่มีตราปั้มเป็นลิขสิทธิ์ที่ผลิตภัณฑ์ ซึ่งโรงงานยังไม่สามารถส่งออกได้ และไม่สามารถนำหน้ากากมาขายในประเทศได้ เพราะองค์การเภสัชกรรมระบุว่าเป็นสินค้าที่คนไทยไม่ใช้ เป็นหน้ากากเฉพาะ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นภาระ จึงอยากให้สังคมและประชาชนเข้าใจ อนาคตธุรกิจอุตสาหกรรมหน้ากากอนามัยในเมืองไทยจะยากขึ้น เพราะราคาต้นทุนที่สูงขึ้นกว่า 10 เท่า ขอย้ำว่าโรงงานนี้ผลิตหน้ากากอนามัยเพียงร้อยละ 20 ของผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ผลิตทั้งหมด และโรงงานมีหน้าที่ผลิตเพื่อส่งให้องค์การเภสัชกรรมเท่านั้น โดยมีกรมการค้าภายในตรวจสอบอย่างเข้มงวด ส่วนเรื่องการกระจายสินค้าและกักตุนสินค้า เราไม่ทราบ

“เจ้าหน้าที่ของกรมการค้าภายในจะมาคอยเช็คสต็อกสินค้าด้วยตัวเอง ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปยังพ่อค้าคนกลางได้หรือมีการซื้อขายหลังโรงงานตามที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน ดังนั้นหากมีคนตั้งคำถามว่าหน้ากากหายไปไหน ก็ต้องไปถามที่กรมการค้าภายใน เพราะกรมการค้าภายในเป็นฝ่ายจัดสรรการผลิตของโรงงานต่าง ๆ จำนวน 11 โรงงาน เพื่อแจกจ่ายให้กับแต่ละหน่วยงาน แต่ยืนยันว่าแม้ทุกโรงงานจะผลิตรวมกันแล้วได้ 12 ล้านชิ้นต่อวัน ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ” นายชินวัตน์ กล่าว

นายชินวัฒน์ กล่าวอีกว่า เป็นไปได้ที่จะมีโอกาสขาดแคลนหน้ากากอนามัย เนื่องจากวัตถุดิบในการผลิตมีต้นทุนสูง และประเทศผู้ผลิต เช่น จีนและไต้หวันก็งดส่งออกวัตุถุดิบ จำเป็นต้องขอร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ เพราะกรมการค้าภายในยังจำกัดราคาขาย ซึ่งทางบริษัทฯ ขายให้กรมการค้าภายในต่ำกว่า 2 บาทต่อชิ้น และวัตถุดิบของบริษัทฯ ที่มีอยู่ สามารถผลิตไปถึงเดือนเมษายนเท่านั้น และยังไม่กล้าสั่งวัสดุมาตุน เพราะราคาที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เท่า และแม้แต่จะเพิ่มจำนวนแรงงานที่เป็นแรงงานพม่า ยังทำได้ยาก ส่วนสินค้าส่งออกกว่า 10 ล้านชิ้นที่ค้างอยู่เนื่องจากไม่สามารถส่งออกได้นั้น ซึ่งตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา บริษัทฯ ถูกห้ามส่งหน้ากากอนามัย แม้จะเป็นแบบที่ไทยไม่ได้ใช้และเป็นสินค้าซึ่งเป็นลิขสิทธิ์


ด้าน พ.ท.เทพจิต กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ (19 มี.ค.) อย่ามองว่าเป็นการตรวจสอบจับผิด แต่วิกฤตที่เกิดขึ้นทุกฝ่ายต้องช่วยกัน เราจึงมาเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงว่าหน้ากากหายไปไหน ซึ่ง นายชินวัฒน์ ได้ชี้แจงถึงจำนวนการผลิต พร้อมระบุกระบวนการจัดส่งให้องค์การเภสัชกรรมทั้งหมด จะมีเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน จำนวน 4-6 คนมาควบคุมการผลิตโดยตรงที่โรงงาน ตรวจดูทั้งรถ ที่ขนส่ง มีใบอนุญาตกำกับ มีระบบคิวอาร์โค๊ตกำกับ เมื่อไปถึงองค์กรเภสัชกรรมจะสามารถตรวจสอบรายละเอียดได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ พ.ท.เทพจิต ได้ตั้งข้อสังเกตและเสนอว่ามีความเป็นไปได้ที่จะนำหน้ากากลิขสิทธิ์ที่ค้างสต็อกออกมาจำหน่ายเพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในภาวะวิกฤติ ซึ่งทางผู้บริหารบริษัทฯ ก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ เพียงแต่ขอให้ภาครัฐมีมาตรการให้ชัดเจน เพราะสินค้าบางชิ้นติดเครื่องหมายการค้าของบริษัทอื่น ๆ หรือติดสัญญากับต่างประเทศ และรัฐบาลควรเข้ามามีส่วนในการเจรจาเพราะในอนาคตบริษัทที่เป็นผู้ว่าจ้างก็จะลด และไปจ้างบริษัทอื่น

สำหรับการตรวจสอบดังกล่าว เนื่องจากเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนขอให้แสวงหาข้อเท็จจริงกรณีความเดือดร้อนของประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ที่ขาดแคลนหน้ากากอนามัยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.- “อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายหลังได้รับการโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนุทินจะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในเวลา 20.00 น. ของวันนี้.-315 -สำนักข่าวไทย

เริ่มลงตัว! เปิดโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” แบ่งโควตาคนนอก 5 เก้าอี้

กทม.5 ก.ย.- เช็กโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” เริ่มลงตัว “ภูมิใจไทย” 12 เก้าอี้ แบ่งโควตาคนนอกอีก 5 เก้าอี้ มีชื่อ “เศรษฐพุฒิ” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ นั่งขุนคลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ จากสภาผู้แทนราษฎร ความเคลื่อนไหวการจัดตั้ง “ครม.อนุทิน 1” ก็ขยับทันที​ โดยมีการจัดสรรโควตาตามจำนวนเสียงที่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียง​ข้างน้อย​ ร่วมกัน​ 146 ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย​ 12 เก้าอี้ เนื่องจากมีโควตาของคนนอก ที่จะไม่นับรวม อีก 5 เก้าอี้​ ส่วนพรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ แบ่งเป็น 4 รัฐมนตรีว่าการ​ และ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ขณะที่​ พรรคพลังประชารัฐ​ 4​ เก้าอี้ กลุ่มนายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 […]

เพื่อไทยโพสต์พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

กรุงเทพฯ 5 ก.ย.- พรรคเพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ขอบคุณทุกแรงใจ ระบุ นโยบายหลายเรื่องค้างไว้ รอวันกลับมาสานต่อ ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติ 311 เสียง เห็นชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ว่า “พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตามครรลองของรัฐสภา ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ขอขอบคุณทุกแรงใจ นโยบายหลายเรื่องที่ยังค้างไว้ เราจะรอวันกลับมาสานต่อให้สำเร็จ เพื่อคนไทยทุกคน…ตลอดไป” .-316 -สำนักข่าวไทย