ผู้ตรวจฯ บุกโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย หาข้อเท็จจริงหน้ากากขาดตลาด

นนทบุรี 19 มี.ค.-ผู้ตรวจการแผ่นดินบุกโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย หาข้อเท็จจริงกรณีหน้ากากขาดตลาด-ส่งออกต่างประเทศ ผู้บริหารโรงงานฯ ยืนยันเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในควบคุมทุกขั้นตอน ไม่มีลักลอบจำหน่าย-กักตุน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 มี.ค.) เวลา 10.00 น. พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน  มอบหมายให้ พ.ท.เทพจิต วีณะคุปต์ ผอ.สำนักสอบสวน 4 ผู้ตรวจการแผ่นดิน  พร้อมด้วย ร.ต.อ.พงศกร มีพันธุ์ เจ้าหน้าที่สอบสวน ลงพื้นที่ บริษัท ไทยฮอสพิทอล โปรดักส์ จำกัด  ซึ่งเป็นโรงงานผู้ผลิตหน้ากากอนามัยรายใหญ่ย่านปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เพื่อหาข้อเท็จจริงในเรื่องการผลิตและการกักตุนสินค้า โดยได้ตรวจดูสถานที่เก็บและผลิตสินค้า

นายชินวัฒน์ มธุรพร รองประธานบริหารฯ และ นายไพศาล จารุรักษา ผู้จัดการโรงงานฯ ชี้แจงถึงการดำเนินการของบริษัทฯ ว่า ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ผลิตหน้ากากอนามัยและเครื่องมือแพทย์ส่งออกเป็นสำคัญ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90 ขณะที่ขายในประเทศเพียงร้อยละ 10 แต่ปัจจุบันขายหน้ากากอนามัยในประเทศให้องค์กรเภสัชกรรมเท่านั้น ไม่ต่ำกว่า 400,000-550,000 ชิ้นต่อวัน ซึ่งเพิ่มกำลังการผลิตอย่างเต็มที่ จากที่ผ่านมาโรงงานผลิตวันละ 200,000 ชิ้น ซึ่งราคาจากโรงงานไม่เกินชิ้นละ 2 บาท พร้อมระบุว่าปัจจุบันวัตถุดิบขาดแคลน หายากขึ้น


นายชินวัฒน์ เปิดเผยด้วยว่า สำหรับสต็อกของโรงงานขณะนี้มี 10 ล้านชิ้น เป็นการจ้างผลิตจากลูกค้าต่างประเทศที่มีตราปั้มเป็นลิขสิทธิ์ที่ผลิตภัณฑ์ ซึ่งโรงงานยังไม่สามารถส่งออกได้ และไม่สามารถนำหน้ากากมาขายในประเทศได้ เพราะองค์การเภสัชกรรมระบุว่าเป็นสินค้าที่คนไทยไม่ใช้ เป็นหน้ากากเฉพาะ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นภาระ จึงอยากให้สังคมและประชาชนเข้าใจ อนาคตธุรกิจอุตสาหกรรมหน้ากากอนามัยในเมืองไทยจะยากขึ้น เพราะราคาต้นทุนที่สูงขึ้นกว่า 10 เท่า ขอย้ำว่าโรงงานนี้ผลิตหน้ากากอนามัยเพียงร้อยละ 20 ของผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ผลิตทั้งหมด และโรงงานมีหน้าที่ผลิตเพื่อส่งให้องค์การเภสัชกรรมเท่านั้น โดยมีกรมการค้าภายในตรวจสอบอย่างเข้มงวด ส่วนเรื่องการกระจายสินค้าและกักตุนสินค้า เราไม่ทราบ

“เจ้าหน้าที่ของกรมการค้าภายในจะมาคอยเช็คสต็อกสินค้าด้วยตัวเอง ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปยังพ่อค้าคนกลางได้หรือมีการซื้อขายหลังโรงงานตามที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน ดังนั้นหากมีคนตั้งคำถามว่าหน้ากากหายไปไหน ก็ต้องไปถามที่กรมการค้าภายใน เพราะกรมการค้าภายในเป็นฝ่ายจัดสรรการผลิตของโรงงานต่าง ๆ จำนวน 11 โรงงาน เพื่อแจกจ่ายให้กับแต่ละหน่วยงาน แต่ยืนยันว่าแม้ทุกโรงงานจะผลิตรวมกันแล้วได้ 12 ล้านชิ้นต่อวัน ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ” นายชินวัตน์ กล่าว

นายชินวัฒน์ กล่าวอีกว่า เป็นไปได้ที่จะมีโอกาสขาดแคลนหน้ากากอนามัย เนื่องจากวัตถุดิบในการผลิตมีต้นทุนสูง และประเทศผู้ผลิต เช่น จีนและไต้หวันก็งดส่งออกวัตุถุดิบ จำเป็นต้องขอร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ เพราะกรมการค้าภายในยังจำกัดราคาขาย ซึ่งทางบริษัทฯ ขายให้กรมการค้าภายในต่ำกว่า 2 บาทต่อชิ้น และวัตถุดิบของบริษัทฯ ที่มีอยู่ สามารถผลิตไปถึงเดือนเมษายนเท่านั้น และยังไม่กล้าสั่งวัสดุมาตุน เพราะราคาที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เท่า และแม้แต่จะเพิ่มจำนวนแรงงานที่เป็นแรงงานพม่า ยังทำได้ยาก ส่วนสินค้าส่งออกกว่า 10 ล้านชิ้นที่ค้างอยู่เนื่องจากไม่สามารถส่งออกได้นั้น ซึ่งตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา บริษัทฯ ถูกห้ามส่งหน้ากากอนามัย แม้จะเป็นแบบที่ไทยไม่ได้ใช้และเป็นสินค้าซึ่งเป็นลิขสิทธิ์


ด้าน พ.ท.เทพจิต กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ (19 มี.ค.) อย่ามองว่าเป็นการตรวจสอบจับผิด แต่วิกฤตที่เกิดขึ้นทุกฝ่ายต้องช่วยกัน เราจึงมาเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงว่าหน้ากากหายไปไหน ซึ่ง นายชินวัฒน์ ได้ชี้แจงถึงจำนวนการผลิต พร้อมระบุกระบวนการจัดส่งให้องค์การเภสัชกรรมทั้งหมด จะมีเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน จำนวน 4-6 คนมาควบคุมการผลิตโดยตรงที่โรงงาน ตรวจดูทั้งรถ ที่ขนส่ง มีใบอนุญาตกำกับ มีระบบคิวอาร์โค๊ตกำกับ เมื่อไปถึงองค์กรเภสัชกรรมจะสามารถตรวจสอบรายละเอียดได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ พ.ท.เทพจิต ได้ตั้งข้อสังเกตและเสนอว่ามีความเป็นไปได้ที่จะนำหน้ากากลิขสิทธิ์ที่ค้างสต็อกออกมาจำหน่ายเพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในภาวะวิกฤติ ซึ่งทางผู้บริหารบริษัทฯ ก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ เพียงแต่ขอให้ภาครัฐมีมาตรการให้ชัดเจน เพราะสินค้าบางชิ้นติดเครื่องหมายการค้าของบริษัทอื่น ๆ หรือติดสัญญากับต่างประเทศ และรัฐบาลควรเข้ามามีส่วนในการเจรจาเพราะในอนาคตบริษัทที่เป็นผู้ว่าจ้างก็จะลด และไปจ้างบริษัทอื่น

สำหรับการตรวจสอบดังกล่าว เนื่องจากเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนขอให้แสวงหาข้อเท็จจริงกรณีความเดือดร้อนของประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ที่ขาดแคลนหน้ากากอนามัยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย