กรุงเทพฯ 19 มี.ค. – กกพ.ร่วมกับ 3 การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย กฟน. กฟภ. และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการกองทัพเรือ ดีเดย์ผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศกว่า 23 ล้านราย ยื่นตรวจสอบสิทธิ์ และขอคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 25 มี.ค.นี้ ผ่าน 3 ช่องทาง ออนไลน์ แอปพลิเคชั่น คอลเซ็นเตอร์ เน้นย้ำยื่นออนไลน์สะดวกสุด สามารถรับเงินผ่านทางระบบได้ต่อเนื่องทันที สนองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 33,000 ล้านบาทก่อนสิ้นปี
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ขณะนี้ประกาศหลักเกณฑ์คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เรื่อง ”การคืนหลักประกันการใช้ไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 บ้านอยู่อาศัย และประเภทที่ 2 กิจการขนาดเล็ก พ.ศ. 2563” จะมีผลบังคับใช้พรุ่งนี้ (20 มี.ค.) ส่งผลให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการกองทัพเรือ (กฟส.) จะต้องคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าดังกล่าวกว่า 23 ล้านรายทั่วประเทศ วงเงินกว่า 33,000 ล้านบาท โดยผู้ใช้ไฟฟ้าต้องแจ้งความประสงค์ขอรับคืนและให้ผู้บริการไฟฟ้าคืนหลักประกันการใช้ไฟฟ้า ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 ซึ่งต้องคืนให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าที่วางหลักประกันตามประเภทของขนาดเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า และจะไม่มีการเรียกเก็บเงินหลักประกันการใช้ไฟฟ้าจากผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหม่อีกต่อไป ยกเว้นกรณีเปลี่ยนประเภทผู้ใช้ไฟฟ้าจากประเภทที่ 1 และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 2 ไปเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น
ทั้งนี้ กกพ.และการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายได้หารือและเตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มเปิดให้มีการตรวจสอบสิทธิ์และทยอยคืนเงินประกันฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคมเป็นต้นไป ในช่องทางออนไลน์ ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยคาดว่าผู้ที่มีสิทธิ์จะได้รับเงินคืนอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการยื่นผ่านระบบแอปพลิเคชั่นเป็นระบบที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง
“กกพ.มีมติเห็นชอบและให้ออกประกาศหลักเกณฑ์เพื่อให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายนำไปใช้เป็นแนวทางคืนหลักประกันการใช้ไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อย และผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประกอบกิจการขนาดเล็กทุกราย ก่อนหน้านี้ได้มีการประชุมร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง และได้ให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายเตรียมมาตรการในการรองรับ และอำนวยความสะดวกให้พี่ น้อง ประชาชนอย่างเต็มที่ เนื่องจากครอบคลุมประชาชนจำนวนมาก และเน้นให้เข้าถึงได้อย่างสะดวก ครอบคลุมทุกกลุ่ม พร้อมกับได้มีการพัฒนาช่องทางเพิ่มเติมรองรับผู้ใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก” นายคมกฤช กล่าว
นายประเทศ ศรีชมภู รองเลขาธิการ สำนักงาน กกพ. กล่าวว่า สำนักงานได้หารือร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายเน้นการดำเนินการผ่านระบบออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นผู้วางเงินประกัน (ชื่อตรงกับบิลค่าไฟฟ้า) สามารถตรวจสอบสิทธิ์และรับเงินผ่านระบบที่การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายจัดเตรียมไว้ได้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป
“วันนี้ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ของการแพร่ระบาด COVID-19 ซึ่ง ครม. มีมติเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 ให้ทุกฝ่ายระมัดระวัง ป้องกัน และลดความเสี่ยงที่จะให้ประชาชนเดินทางและเข้าไปในสถานที่ที่แออัด คับแคบ ดังนั้น เพื่อความสะดวกปลอดภัยในช่วงแรกนี้ ขอให้ผู้ใช้ไฟฟ้าใช้บริการผ่านระบบออนไลน์เป็นหลัก จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง” นายประเทศ กล่าว
นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานต้นสังกัดที่เกี่ยวข้องพิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าเพื่อเป็นการเยียวยาผลกระทบจากไวรัส COVID-19 มาตรการที่ 1 ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทจะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้า 3% ในบิลเดือนเมษายน – มิถุนายน 2563 มาตรการที่ 2 ผู้ใช้ไฟประเภทธุรกิจเฉพาะ เช่น โรงแรม รีสอร์ทที่ได้รับผลกระทบสามารถผ่อน ชำระค่าไฟฟ้าเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2563 ได้ไม่เกิน 6 เดือน โดยไม่คิดดอกเบี้ย และมาตรการที่ 3 การคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าสำหรับบ้านอยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก
สำหรับจำนวนเงินประกันที่จะคืนให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าขึ้นอยู่กับผู้ใช้ไฟฟ้าแต่ละรายที่วางเงินประกันการใช้ไฟฟ้าไว้กับ PEA เมื่อมาขอใช้ไฟฟ้า ซึ่ง PEA จัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการและขั้นตอนการจ่ายคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า รวมถึงพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าให้มากที่สุด ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถตรวจสอบสิทธิ์และลงทะเบียนการขอคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าผ่าน https://dmsxupload.pea.co.th/cdp/ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป โดยกรอกชื่อ นามสกุล หมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้า หมายเลขบัตรประชาชน ให้ครบถ้วน ส่งหลักฐานผ่านระบบและรอรับเงินตามช่องทางดังนี้ PromptPay บัญชีเงินฝากธนาคาร บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือรับเงินสด ที่สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในพื้นที่ ทั้งนี้ PEA จะส่ง SMS ยืนยันผลการลงทะเบียนและแจ้งผลการคืนเงินให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทราบ โดยเริ่มจ่ายเงินตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ทาง กฟภ.ยังเตรียมเจ้าหน้าที่เพื่อตอบข้อซักถามและข้อสงสัยให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า 90 คู่สาย ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1129
นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กล่าวว่า กฟน. จะเปิดให้ตรวจสอบสิทธิ์ เพื่อขอรับเงินประกันการใช้ไฟฟ้าคืนด้วยการอำนวยความสะดวกให้ครอบคลุมทุกกลุ่มประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าในช่องทางที่หลากหลาย
ช่องทางที่ 1 ลงทะเบียนทางออนไลน์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ตลอด 24 ชั่วโมง ประกอบด้วย ช่องทางต่าง ๆ แอปพลิเคชัน : MEA Smart Life, เว็บไซต์ : www.mea.or.th, Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA, Twitter : @mea_news, Line : @meathailand, สแกน QR Code ในใบแจ้งค่าไฟฟ้า (ใบแจ้งค่าไฟฟ้าที่จดเลขอ่านตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป) ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์จะได้รับเงินประกันการใช้ไฟฟ้าคืนตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป
ช่องทางที่ 2 ลงทะเบียนทางโทรศัพท์ที่หมายเลข 02-256-3333 จำนวน 50 คู่สาย ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 – 29 พฤษภาคม 2563 เวลา 08.00 –15.30 น. ในวันทำการ
ช่องทางที่ 3 ลงทะเบียน ณ ที่ทำการของการไฟฟ้านครหลวง 18 เขต เพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบการแพร่เชื้อ COVID-19 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 จึงขอความร่วมมือเริ่มใช้ช่องทางนี้ได้ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป
การลงทะเบียนทั้ง 3 ช่องทางดังกล่าว ผู้ขอคืนหลักประกันสามารถเลือกช่องทางการคืนเงินได้ 3 ช่องทางโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใด ๆ ช่องทางที่ 1 บัญชีพร้อมเพย์ (Prompt Pay) เฉพาะที่ผูกกับหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ของผู้วางหลักประกัน / ช่องทางที่ 2 บัญชีธนาคารพาณิชย์ที่มีชื่อตรงกับผู้วางหลักประกันที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือธนาคารกสิกรไทย / ช่องทางที่ 3 เคาน์เตอร์เซอร์วิส (จำนวนเงินไม่เกิน 50,000 บาท)
สำนักงาน กกพ.จะดำเนินนโยบายเพื่อการยกระดับการคุ้มครองสิทธิ์และสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้ใช้ไฟฟ้าให้เกิดความเป็นธรรมสูงสุด .-สำนักข่าวไทย